ในชีวิตประจำวัน เราอาจต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ทำให้การชำระหนี้เป็นเรื่องยากขึ้น เช่น รายได้ลดลง เจ็บป่วย หรือเหตุการณ์ไม่คาดฝันต่าง ๆ การพักชำระหนี้จึงเป็นมาตรการที่ช่วยให้ลูกหนี้สามารถหยุดหรือเลื่อนการจ่ายเงินต้นและดอกเบี้ยในช่วงเวลาหนึ่ง เพื่อบรรเทาภาระทางการเงินและสร้างโอกาสในการฟื้นฟูสถานะการเงินของตัวเองได้
หลายคนอาจสงสัยว่า การพักชำระหนี้นี้ช่วยลดภาระหนี้ได้จริงหรือไม่ และมีผลอย่างไรต่อการเงินในระยะยาว ในบทความนี้ fin tips by ttb จะมาอธิบายถึงความหมายของการพักชำระหนี้ รวมถึงข้อดีและข้อควรระวัง เพื่อให้คุณเข้าใจและใช้มาตรการนี้ได้อย่างเหมาะสมกับสถานการณ์ของตัวเองกัน
การพักชำระหนี้ คืออะไร
การพักชำระหนี้ คือการที่ผู้กู้ได้รับอนุญาตจากสถาบันการเงินหรือเจ้าหนี้ให้สามารถเลื่อนหรือหยุดการชำระหนี้ในช่วงเวลาที่ตกลงกันไว้ โดยไม่ถูกคิดค่าปรับหรือเสียประวัติจากการผิดนัดชำระหนี้ ถือเป็นการช่วยแบ่งเบาภาระและสร้างความยืดหยุ่นให้กับผู้กู้ที่กำลังเผชิญปัญหาทางการเงินชั่วคราว เช่น ตกงานจึงทำให้รายได้ที่ลดลงอย่างกะทันหัน กรณีเจ็บป่วยจำเป็นต้องหยุดพักรักษาตัวหรือเหตุการณ์ไม่คาดคิดอื่น ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องทางการเงินได้
การพักชำระหนี้ มีกี่ประเภท
การพักชำระหนี้ คือการที่ลูกหนี้ขอเลื่อนหรือหยุดชำระหนี้ในช่วงเวลาหนึ่ง เพื่อช่วยบรรเทาภาระทางการเงินในช่วงที่มีปัญหา โดยทั่วไปแล้วการพักชำระหนี้จะมีอยู่ 2 ประเภทหลัก ๆ ซึ่งแต่ละประเภทมีข้อดีและเงื่อนไขที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้
1. การพักชำระเงินต้น
การพักชำระเงินต้น หมายถึงการหยุดชำระเฉพาะเงินต้นของหนี้ในช่วงเวลาที่กำหนด แต่ลูกหนี้ยังต้องชำระดอกเบี้ยตามปกติในทุก ๆ งวด ซึ่งวิธีนี้ช่วยลดภาระการจ่ายเงินในแต่ละงวดลง ทำให้มีเงินสดเหลือไปใช้จ่ายในเรื่องที่จำเป็นอื่น ๆ แต่จะทำให้ดอกเบี้ยยังคงสะสมและอาจทำให้ยอดหนี้รวมสูงขึ้นในระยะยาว
2. การพักชำระทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย
การพักชำระทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย คือการหยุดชำระทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยในช่วงเวลาหนึ่งที่ตกลงกัน ข้อมูลจาก ธปท. ได้กล่าวว่า โดยส่วนใหญ่แล้ว สถาบันการเงินจะให้พักชำระเงินต้น ระยะเวลาประมาณ 3 - 6 เดือน ซึ่งจะช่วยให้ลูกหนี้ไม่ต้องจ่ายค่างวดในงวด ๆ นั้น ทำให้มีสภาพคล่องทางการเงินสูงสุดในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม ดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นในช่วงที่พักชำระหนี้ อาจถูกนำไปรวมกับเงินต้นเดิม หรือต้องจ่ายหลังจากสิ้นสุดระยะเวลาพักชำระแล้ว ซึ่งจะทำให้ระยะเวลาผ่อนชำระทั้งหมดนานขึ้นตามไปด้วย
ใครบ้างที่เข้าเงื่อนไขการขอพักชำระหนี้?
โดยทั่วไปแล้ว มาตรการพักชำระหนี้มักออกมา เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ต่าง ๆ ซึ่งกลุ่มที่มักจะเข้าเงื่อนไขมีดังนี้
- ผู้ที่รายรับลดลงชั่วคราว และคาดว่าจะสามารถกลับมาชำระหนี้ตามเดิมได้ในอนาคตอันใกล้
- ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะวิกฤติ เช่น วิกฤติเศรษฐกิจ สงครามหรือการระบาดของโรคที่ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง
- ผู้ที่เผชิญปัญหาสุขภาพ ทั้งของตนเองหรือคนในครอบครัว จนส่งผลกระทบต่อรายได้หลัก
การพักชำระหนี้ กับการพักหนี้ แตกต่างกันอย่างไร
หลายคนอาจเคยได้ยินทั้งสองคำนี้และเกิดความสับสน แต่รู้หรือไม่ว่า จริง ๆ แล้ว การพักชำระหนี้ถือเป็นรูปแบบหนึ่งของการพักหนี้ โดยการพักชำระหนี้ หมายถึงการที่ลูกหนี้ขอหยุดหรือเลื่อนการจ่ายเงินงวดของหนี้ในช่วงเวลาหนึ่ง โดยอาจเป็นการพักเฉพาะเงินต้น หรือพักทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยตามข้อตกลง ซึ่งลูกหนี้ยังต้องชำระหนี้ในภายหลังตามเงื่อนไขใหม่
ส่วนการพักหนี้ หมายถึงการระงับหรือเลื่อนการชำระหนี้ทั้งหมดชั่วคราว อาจครอบคลุมถึงการงดจ่ายดอกเบี้ยหรือเงินต้นทั้งหมดในช่วงเวลาที่กำหนด และบางครั้งยังรวมถึงมาตรการช่วยเหลืออื่น ๆ เช่น การปรับโครงสร้างหนี้หรือการลดดอกเบี้ย
โดยสรุปแล้ว การพักชำระหนี้เป็นหนึ่งในรูปแบบของการพักหนี้ ซึ่งเน้นที่การเลื่อนการชำระเงินงวด ในขณะที่การพักหนี้อาจหมายถึงมาตรการช่วยเหลือที่ครอบคลุมและยืดหยุ่นกว่า
ข้อดีและข้อควรระวังของการพักชำระหนี้
การพักชำระหนี้นั้น ช่วยบรรเทาภาระทางการเงินในช่วงที่สถานการณ์ไม่เอื้ออำนวย แต่ก่อนตัดสินใจใช้มาตรการนี้ ควรเข้าใจทั้งข้อดีและข้อควรระวัง เพื่อวางแผนการเงินได้อย่างเหมาะสม ดังนี้
ข้อดีของการพักชำระหนี้
- ช่วยลดภาระการชำระเงินในระยะสั้น ทำให้มีเงินสดหมุนเวียนสำหรับใช้จ่ายในยามฉุกเฉิน
- บรรเทาความเครียดทางการเงินในช่วงที่รายได้ไม่แน่นอนหรือขาดรายได้ชั่วคราว
- ป้องกันการถูกฟ้องร้องหรือถูกยึดทรัพย์จากการผิดนัดชำระหนี้ได้
- เปิดโอกาสให้ได้ทบทวนและวางแผนการเงินของตัวเองใหม่ เพื่อจัดการหนี้ได้ดีขึ้นในระยะยาว
ข้อควรระวังของการพักชำระหนี้
- ระยะเวลาการชำระหนี้อาจยาวขึ้น ส่งผลให้ต้องจ่ายดอกเบี้ยรวมมากขึ้นในระยะยาว
- อาจมีค่าธรรมเนียมหรือเงื่อนไขอื่น ๆ เพิ่มเติม ควรสอบถามกับสถาบันการเงินให้ชัดเจน
- หากไม่ได้วางแผนการเงินอย่างรอบคอบ อาจทำให้เกิดภาระหนี้สะสมเพิ่มขึ้นได้ในภายหลัง
- การพักชำระหนี้บางประเภทอาจส่งผลต่อเครดิตบูโร ทำให้เครดิตเสียหายและกระทบการขอสินเชื่อได้ในอนาคต
พักชำระหนี้ เสียประวัติไหม?
การพักชำระหนี้ ลูกหนี้จะไม่ได้ถูกบันทึกว่าเป็นการเสียประวัติทางการเงิน แต่จะมีผลต่อการบันทึกข้อมูลในฐานข้อมูลของข้อมูลเครดิตบูโร ว่าคุณมีการปรับโครงสร้างหนี้ ซึ่งอาจส่งผลต่อการยื่นกู้ของคุณในอนาคต ดังนั้น ถ้าหากคุณกังวลว่า การพักชำระหนี้จะส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือทางการเงินของคุณ ก็มีอีกทางเลือกที่จะเข้ามาช่วยเสริมสภาพคล่องและหาทางออกที่เหมาะสมกับสถานการณ์ของคุณ ด้วยผลิตภัณฑ์ทางการเงินอย่างสินเชื่อบุคคล จากทีทีบี พร้อมบริการรวมหนี้มาเป็นก้อนเดียวได้สูงสุดถึง 4 รายการกับสินเชื่อส่วนบุคคล แคชทูโก เคลียร์หนี้ พร้อมส่วนลดอัตราดอกเบี้ย 2% ต่อปี เพียงแค่ใช้บัญชี ทีทีบี ออลล์ ฟรี 5 ครั้งต่อเดือน และสมัครใช้บริการหักบัญชีอัตโนมัติ ช่วยลดภาระค่างวดต่อเดือนและช่วยให้คุณวางแผนการเงินได้ง่ายขึ้น
และผลิตภัณฑ์ทางการเงินกับบริการโอนยอดหนี้มาที่บัตรกดเงินสด ทีทีบี แฟลช ดอกเบี้ยต่ำลงกว่าเดิม เริ่มต้นเพียง 15% ต่อปี* (ขึ้นอยู่กับรายได้ของลูกค้า) และคงที่ตลอดจนคุณจ่ายหมด สามารถผ่อนชำระได้นานสุด 99 เดือน ช่วยให้คุณสามารถปิดหนี้ได้ไวยิ่งขึ้น พอดอกเบี้ยลดลง ค่างวดในแต่ละเดือนที่ต้องจ่ายก็เบาลงด้วย ช่วยเสริมสภาพคล่องทางการเงินได้ดียิ่งขึ้น
สรุปบทความ
การพักชำระหนี้ เป็นทางออกที่ช่วยบรรเทาภาระทางการเงินได้จริงในระยะสั้น สำหรับผู้ที่กำลังเผชิญกับสถานการณ์ไม่คาดฝัน ทำให้มีเวลาตั้งหลักและวางแผนการเงินใหม่ แต่ก็มีผลกระทบระยะยาวที่ต้องพิจารณา ทั้งระยะเวลาผ่อนที่นานขึ้นและภาระดอกเบี้ยที่อาจเพิ่มขึ้น สิ่งสำคัญที่สุดคือการประเมินสถานการณ์ของตัวเองอย่างรอบคอบ และรีบติดต่อสถาบันการเงินเพื่อปรึกษาหาทางออกที่ดีที่สุด เพราะการสื่อสารกับเจ้าหนี้ตั้งแต่เนิ่น ๆ คือกุญแจสำคัญในการจัดการปัญหาหนี้ได้อย่างยั่งยืนนั่นเอง
กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว
สินเชื่อส่วนบุคคล แคชทูโก อัตราดอกเบี้ย 18% - 25% ต่อปี
บัตรกดเงินสดทีทีบี แฟลช อัตราดอกบี้ย 15 - 25% ต่อปี
เงื่อนไขการพิจารณาและอนุมัติสินเชื่อเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด
ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์www.ttbbank.com