external-popup-close

คุณกำลังออกจากเว็บไซต์ ทีทีบี
เพื่อเข้าสู่

https://www.ttbbank.com/

ตกลง

ธนาคารมีนโยบายและคณะกรรมการทรัพยากรบุคคลและค่าตอบแทน (Human Resources and Remuneration Committee) ซึ่งมีหน้าที่ทบทวนและเสนอแนะแนวทางเชิงกลยุทธ์ด้านการบริหารทรัพยากรบุคคล ได้แก่ การสรรหาพนักงาน ค่าตอบแทนและสวัสดิการ ข้อกำหนดทางกฎหมายด้านแรงงานและความสัมพันธ์แรงงาน ตลอดจนสิทธิมนุษยชน การบริหารทรัพยากรบุคคลถือเป็นส่วนสำคัญต่อความต่อเนื่องและการเติบโตของธนาคาร ดังนั้น ธนาคารจึงมุ่งมั่นที่จะสร้างให้ที่นี่เป็นสถานที่ทำงานที่พนักงานสามารถ “สร้างการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง (Make REAL Change)” ได้

คำมั่นสัญญาด้านแนวปฏิบัติแรงงาน

ทีทีบีมุ่งมั่นที่จะยึดถือสิทธิแรงงานขั้นพื้นฐาน และส่งเสริมสภาพการทำงานที่เป็นธรรม ปลอดภัย และเท่าเทียมทั่วทั้งการดำเนินงานและห่วงโซ่คุณค่า เราเชื่อว่าการเคารพสิทธิแรงงานไม่เพียงเป็นข้อบังคับทางกฎหมายเท่านั้น แต่ยังเป็นรากฐานที่สำคัญของการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนและความผาสุกของสังคม

เพื่อให้สอดคล้องกับพันธสัญญาดังกล่าว ธนาคารได้กำหนดให้แนวปฏิบัติด้านแรงงานสะท้อนทั้งมาตรฐานแรงงานสากลและข้อกำหนดตามกฎหมายของประเทศ อีกทั้งยังคาดหวังให้คู่สัญญาและพันธมิตรทางธุรกิจ รวมถึงลูกค้าธุรกิจของธนาคารปฏิบัติตามมาตรฐานเดียวกันในฐานะส่วนหนึ่งของระบบนิเวศทางธุรกิจที่มีความรับผิดชอบและมีจริยธรรม

  1. ค่าจ้างเพื่อการดำรงชีพ (Living Wage): ธนาคารมุ่งมั่นที่จะให้ค่าตอบแทนไม่น้อยกว่าค่าจ้างขั้นต่ำตามกฎหมาย และเพียงพอต่อการดำรงชีวิตที่มีคุณภาพ
  2. ชั่วโมงทำงานและการลาหยุด: ธนาคารยึดมั่นในการหลีกเลี่ยงหรือจำกัดการทำงานล่วงเวลาเกินควร โดยกำหนดชั่วโมงทำงานสูงสุดที่ชัดเจนและเป็นธรรมตามกฎหมายแรงงานไทย รวมทั้งรับรองสิทธิการลาพักร้อนประจำปีเพื่อสุขภาพกายและใจของพนักงาน
  3. การจ้างงานที่เป็นธรรม ค่าตอบแทนที่เป็นธรรมและการปฏิบัติที่เท่าเทียม: ธนาคารส่งเสริมความเท่าเทียมและไม่เลือกปฏิบัติ โดยมุ่งมั่นที่จะให้โอกาสที่เท่าเทียม ค่าตอบแทนที่เป็นธรรม และการเติบโตในสายอาชีพแก่พนักงานทุกคน โดยไม่คำนึงถึงเพศ อายุ ความพิการ หรือภูมิหลังที่หลากหลาย หลักการ “ค่าตอบแทนเท่ากันสำหรับงานที่เท่ากัน” ระหว่างชายและหญิงถือเป็นหลักสำคัญของแนวปฏิบัติแรงงาน โดยธนาคารมีมาตรการในการเฝ้าติดตามความก้าวหน้าในการลดช่องว่างค่าตอบแทนระหว่างเพศอย่างสม่ำเสมอ
  4. การดูแลในช่วงการเปลี่ยนผ่านของแรงงาน: ในกรณีที่มีการปรับโครงสร้างหรือการเลิกจ้าง ธนาคารให้คำมั่นว่าจะมีการแจ้งล่วงหน้าและปรึกษาหารือกับพนักงานอย่างเหมาะสมและโปร่งใส เพื่อลดผลกระทบด้านลบ
  5. การจ้างงานในท้องถิ่น: ธนาคารมุ่งสรรหาและพัฒนาบุคลากรจากชุมชนที่ดำเนินงานอยู่ เพื่อสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจในภูมิภาค สร้างความผูกพันกับชุมชน และเสริมสร้างความเข้าใจทางวัฒนธรรม

โครงการที่ธนาคารดำเนินการเพื่อให้คำมั่นเหล่านี้เกิดขึ้นจริง ได้แก่:

  • จ่ายค่าจ้างไม่น้อยกว่าค่าครองชีพหรือมาตรฐานในพื้นที่ เพื่อความมั่นคงทางการเงินของพนักงาน
  • ติดตามชั่วโมงการทำงานและการทำงานล่วงเวลาเพื่อป้องกันการทำงานหนักเกินไป
  • จ่ายค่าล่วงเวลาตามกฎหมายไทยและนโยบายของธนาคาร
  • มีการหารือกับตัวแทนแรงงานเพื่อสื่อสารสองทางและพัฒนาสภาพการทำงานอย่างต่อเนื่อง
  • ตรวจสอบช่องว่างค่าตอบแทนระหว่างเพศและเปิดเผยในรายงานความยั่งยืนประจำปี
  • ขยายความคุ้มครองทางสังคมเกินกว่าที่ภาครัฐกำหนด เช่น การประกันสุขภาพกลุ่ม
  • กำหนดให้พนักงานใช้สิทธิลาพักร้อนผ่านระบบบังคับพักต่อเนื่องประจำปี (block leave) เพื่อสมดุลชีวิตและการทำงาน
  • จัดฝึกอบรมและการพัฒนาทักษะใหม่เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง เช่น ด้านดิจิทัล การเงินเพื่อการเปลี่ยนผ่าน และการจัดการความเสี่ยงด้านสภาพภูมิอากาศ
  • สนับสนุนการจ้างงานเยาวชนผ่านโครงการฝึกงานที่ให้ประสบการณ์จริง

ท้ายที่สุด ธนาคารมีความมุ่งมั่นที่จะสร้างสถานที่ทำงานที่ยึดหลัก “ความเป็นธรรม ศักดิ์ศรี และความเคารพ” ให้กับทุกคน

การพัฒนาศักยภาพของพนักงาน (Human Capital Development)

ธนาคารกำหนดกลยุทธ์การฝึกอบรมที่เน้นการเสริมสร้างภาวะความเป็นผู้นำให้แก่พนักงานทุกคน อันจะส่งผลให้พนักงานมีความพร้อมที่จะผลักดันให้ธนาคารบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจ โดยที่การฝึกอบรมในแต่ละหลักสูตรจะมีเนื้อหาสาระที่เหมาะสมกับทักษะของพนักงานในแต่ละกลุ่มและสอดคล้องกับบริบทของงานและบทบาทของพนักงานในอนาคต ธนาคารวัดมูลค่าของพนักงานในองค์กร ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา (2564-2667) โดยมีผลการดำเนินงาน ดังนี้ 2.8, 3.2, 3.4 และ 3.6 ตามลำดับ ในปี 2568 พนักงานทั้งหมดได้ผ่านการอบรมรวมทั้งสิ้น 566,631 ชั่วโมง เทียบเท่า 39 ชั่วโมงการอบรมต่อคนต่อปี

เส้นทางและกลยุทธ์ด้านทรัพยากรบุคคล (HR Roadmap and Strategy)

ธนาคารมุ่งสร้างความแตกต่างให้เกิดขึ้นในภาคธนาคารพาณิชย์ของประเทศ และเชื่อว่าการเสริมสร้างพนักงานให้มีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะท้าทายและปรับปรุงแก้ไขสิ่งที่เป็นอยู่ จะส่งผลให้ธนาคารสามารถส่งมอบคุณค่าที่ดีที่สุดให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม

  • พนักงานของธนาคารมีเส้นทางการเติบโตสายอาชีพที่ชัดเจน ธนาคารกำหนดแผนงานสายอาชีพและแผนพัฒนาบุคคลากรที่ชัดเจนและสอดคล้องกับศักยภาพของพนักงานแต่ละคนและสมรรถนะ (Competency) ที่จำเป็น
  • การพัฒนาสู่ความเป็นเลิศ (Best Development) ธนาคารส่งเสริมแห่งการเรียนรู้พร้อมแผนการพัฒนาที่มีโครงสร้างที่ชัดเจน
  • การยกย่องผลงาน (Performance Recognition) ธนาคารมีหลักเกณฑ์การจ่ายผลตอบแทนและการยกย่องชมเชยพนักงานตามผลงาน
  • วัฒนธรรม (Make REAL Change) ธนาคารสนับสนุนให้พนักงานคิดและทำในสิ่งที่แตกต่างอย่างสร้างสรรค์

โครงการพัฒนาและฝึกอบรมพนักงาน

ธนาคารออกแบบโครงการพัฒนาศักยภาพของพนักงานเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการทางธุรกิจและทำให้มีประสิทธิภาพ

  1. รูปแบบการประเมินผลการฝึกอบรม Kirk-Patrick กำหนดผลลัพธ์ทางธุรกิจและพฤติกรรมที่คาดหวังที่ชัดเจนก่อนการพัฒนาโครงการฝึกอบรม
  2. การมีส่วนร่วมของผู้บริหาร ช่วยให้มั่นใจว่าผู้บริหารระดับสูงและผู้บังคับบัญชาทุกระดับมีส่วนร่วมมากขึ้นในการวางแผนโครงการพัฒนาพนักงานกับสายงานทรัพยากรบุคคล เพื่อให้เกิดความรับผิดชอบร่วมกันในการพัฒนาพนักงานในสายงาน
  3. แนวทางการเรียนรู้แบบผสมผสาน ได้แก่ ห้องเรียน (Classroom Training) ห้องเรียนเสมือนจริง (Virtual Classroom) และการแบ่งปันความรู้ร่วมกัน ซึ่งจะส่งผลให้พนักงานสามารถเรียนรู้ได้จากทุกที่ ทุกเวลา
  4. รูปแบบการเรียนรู้ที่สั้นกระชับ บทเรียนสั้นๆ ช่วยให้พนักงานสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง เพิ่มการเข้าถึงและการมีส่วนร่วม
  5. กรอบการพัฒนาพนักงานที่ผสานแผนงานต่างๆ เข้าด้วยกัน กำหนดวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนแทนการมีแผนงานกระจัดกระจายหลายด้าน

โดยโครงการพัฒนาศักยภาพของพนักงานสามารถแบ่งได้เป็นกลุ่มหลักๆ ดังนี้

แผนการพัฒนาความสามารถหลักและทั่วไป

พนักงานพัฒนาทักษะหลักที่จำเป็นต่อความสำเร็จในสายอาชีพผ่านการฝึกอบรมอย่างเป็นระบบ โดยมีแผนการพัฒนาความสามารถหลักที่มุ่งเน้นทักษะพื้นฐาน และแผนการเสริมสร้างความเชี่ยวชาญในงานของ ttb Academy ซึ่งดำเนินการฝึกอบรมใน 4 สาขา ได้แก่ การขายและการบริหารความสัมพันธ์ เทคโนโลยีสารสนเทศและข้อมูล การบริหารจัดการความเสี่ยง และการพัฒนาผลิตภัณฑ์

แผนการพัฒนาภาวะผู้นำ

โครงการพัฒนาภาวะผู้นำช่วยเตรียมความพร้อมพนักงานสู่บทบาทในการบริหารจัดการ โดยเน้นพัฒนาทักษะด้านการบริหารบุคคลและทักษะในการตัดสินใจให้กับผู้จัดการใหม่ พัฒนาศักยภาพการเป็นผู้นำให้กับผู้บริหารระดับกลาง และพัฒนาการคิดเชิงกลยุทธ์และการสร้างทักษะความเฉียบแหลมทางธุรกิจให้กับผู้บริหารระดับอาวุโส ในขณะที่พนักงานที่มีศักยภาพสูงจะได้รับโอกาสในการพัฒนาสายอาชีพอย่างรวดเร็ว (fast track) เพื่อเตรียมพร้อมสู่ตำแหน่งผู้นำต่อไป

ttb awards

ธนาคารเล็งเห็นคุณค่าของนวัตกรรมและความมุ่งมั่นของพนักงานในการสร้างการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงเพื่อลูกค้าและธนาคาร ทีทีบี จึงได้จัดให้มีการมอบรางวัล ttb Awards เป็นประจำทุกปี โดยมีการจัดการแข่งขันภายในองค์กรเพื่อให้พนักงานส่งผลงานความคิดริเริ่ม ผลิตภัณฑ์ หรือโครงการที่ส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีทางการเงินให้กับลูกค้า และ/หรือช่วยพัฒนาผลการดำเนินงานของธนาคาร พนักงานจะแข่งขันกันใน 5 ด้าน ได้แก่ การสร้างรายได้ Ecosystem Play การบริหารความเสี่ยงด้วยข้อมูล การทำให้เป็นดิจิทัล และพนักงานและวัฒนธรรมองค์กร โดยรางวัลใหญ่ ได้แก่ รางวัล “Make REAL Change” สำหรับผลงานที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงมากและสร้างผลกระทบสูง กิจกรรมนี้ยังต้องการให้ผู้เข้าร่วมทำงานร่วมกันเป็นทีมข้ามสายงานธุรกิจ เพื่อขยายเครือข่ายภายในธนาคาร

การเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ครุฑ

ธนาคารภูมิใจนำเสนอพิพิธภัณฑ์ครุฑ ณ บางปู ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้เยี่ยมชมได้เรียนรู้วัฒนธรรมไทยผ่านประวัติศาสตร์อันลึกซึ้งของครุฑ ในฐานะส่วนหนึ่งของการส่งเสริมวัฒนธรรม ธนาคารได้สนับสนุนให้พนักงานเข้าชมพิพิธภัณฑ์อย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจและความซาบซึ้งในสัญลักษณ์ประจำชาติ

โครงการเตรียมความพร้อมสำหรับพนักงานที่เกษียณและพ้นสภาพ

ttb ตระหนักถึงความสำคัญของการเปลี่ยนผ่านอย่างราบรื่นสำหรับพนักงานที่กำลังออกจากองค์กร จึงได้พัฒนาโครงการเตรียมความพร้อมอย่างครอบคลุมสำหรับพนักงานที่เกษียณและพ้นสภาพ ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของเราในการส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต ความมั่นคงทางการเงิน และการมีส่วนร่วมกับสังคมอย่างต่อเนื่อง

องค์ประกอบหลักของโครงการ ได้แก่:

  • หลักสูตรโค้ชปลดหนี้และการอบรมความรู้ทางการเงิน: พนักงานที่เกษียณจะได้รับการอบรมเฉพาะทางเกี่ยวกับการบริหารจัดการการเงินส่วนบุคคล การปรับโครงสร้างหนี้ และการวางแผนงบประมาณ เพื่อให้สามารถรักษาเสถียรภาพทางการเงินหลังออกจากงาน และสามารถถ่ายทอดความรู้ให้แก่ผู้อื่นในชุมชนในฐานะโค้ชปลดหนี้
  • เวิร์กช็อปพัฒนาทักษะ: ผู้เข้าร่วมจะได้รับการฝึกอบรมในด้านต่าง ๆ เช่น การเป็นผู้ประกอบการ ทักษะดิจิทัล การขาย และการสื่อสาร เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการประกอบอาชีพหรือบทบาทใหม่หลังจากออกจากธนาคาร

แนวทางแบบองค์รวมนี้ช่วยให้พนักงานมีความมั่นใจและศักยภาพในการเริ่มต้นบทใหม่ของชีวิต

การบริหารความเสี่ยงด้านปฏิบัติการและความตระหนักในด้านความปลอดภัย

ธนาคารให้ความสำคัญด้านการบริหารความเสี่ยงและการสร้างความตระหนักด้านความปลอดภัย โดยตระหนักถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อลูกค้าและชื่อเสียงขององค์กร ธนาคารจึงได้จัดโปรแกรมฝึกอบรมด้านการบริหารความเสี่ยงและความปลอดภัยหลายหลักสูตร เช่น การบริหารความเสี่ยงด้านปฏิบัติการองค์กร (Corporate Operational Risk Management) การป้องกันการฟอกเงิน (Anti-Money Laundering) การส่งเสริมความตระหนักด้านความเสี่ยง (Promoting risk Awareness) ภัยคุกคามทางไซเบอร์ (Cyber Threats) แก่พนักงานผ่านช่องทางออนไลน์ที่พนักงานทั่วประเทศสามารถเข้าถึงได้

นอกจากการพัฒนาทักษะเพื่อการเติบโตในสายอาชีพแล้ว จากความมุ่งมั่นของธนาคารที่จะส่งมอบคุณภาพชีวิตทางการเงินที่ดีให้กับคนไทย พนักงานของธนาคารคือแรงขับเคลื่อนสำคัญที่จะส่งมอบความตั้งใจนี้ให้ถึงมือลูกค้าได้ ดังนั้นการส่งเสริมให้พนักงานมีความรู้ความสามารถที่แข็งแกร่งขึ้นจึงเป็นภารกิจสำคัญ

การรักษาพนักงานและการพัฒนาผู้สืบทอดตำแหน่ง

ธนาคารตระหนักดีว่าความผูกพันของพนักงานที่มีต่อองค์กร เป็นปัจจัยสำคัญต่อการเติบโตและการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน ด้วยเหตุนี้ ธนาคารจึงได้ดำเนินการสำรวจความผูกพันของพนักงานที่มีต่อองค์กรเป็นประจำทุกปี (VOE: Voice of Employee หรือ Employee Engagement Survey) ในปี 2567 ธนาคารได้ดำเนินการสำรวจความผูกพันของพนักงานแบบสั้น (VOE-Pulse Survey) เพื่อรวบรวมข้อคิดเห็นและใช้ข้อมูลดังกล่าวในการปรับปรุงแผนงานเพื่อตอบสนองต่อความต้องการและข้อกังวลของพนักงาน ทั้งนี้ ในการสำรวจความผูกพันของพนักงานแบบสั้นดังกล่าวมีพนักงานเข้าร่วมคิดเป็น 97% โดยมีคะแนนความพึงพอใจเฉลี่ยอยู่ที่ 65% จากเป้าหมายร้อยละ 64% โดยคะแนนความพึงพอใจใน 5 ด้านหลักที่ได้รับการระบุว่าต้องได้รับการปรับปรุงมีคะแนนเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 10% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยผลการสำรวจจะถูกนำไปพัฒนา ปรับปรุง เพื่อให้ธนาคารเป็นองค์กรที่น่าทำงานมากยิ่งขึ้น รวมถึงนำไปทำแผนพัฒนาเพื่อยกระดับความผูกพันและความพึงพอใจของพนักงานต่อไป

พนักงานที่ถือว่ามีความผูกพันกับองค์กร จะต้องมีพฤติกรรมทั้ง 3 ด้าน ดังนี้

  • พูดสิ่งดี ๆ เกี่ยวกับองค์กรเมื่อมีโอกาส (Say)
  • ต้องการทำงานอยู่กับองค์กร (Stay)
  • ทุ่มเททำงานให้งานและองค์กรประสบความสำเร็จ (Strive)

ซึ่งสืบเนื่องมาจากการสร้างประสบการณ์ที่ดี (The Employee Experience) ให้กับพนักงานผ่านตัวขับเคลื่อนความผูกพัน (Engagement drivers) คือ

  • ความเป็นผู้นำที่สร้างความผูกพัน (Engaging Leadership)
  • การให้ความสำคัญกับพนักงาน เช่น แผนการพัฒนาอาชีพ จำนวนพนักงาน การประเมินผลงาน (Talent Focus)
  • ความคล่องตัว เช่น การร่วมมือ ความหลากหลาย การใช้หลักลูกค้าเป็นศุนย์กลาง (Agility)
  • ปัจจัยพื้นฐาน เช่น สุขภาพกาย สุขภาพใจ ความเครียดจากการทำงาน (The Basics)
  • งาน เช่น ความพึงพอใจในตัวงาน ความสุขในการทำงาน งานที่ตอบโจทย์เป้าหมายชีวิต (The Work)

ธนาคารได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของพนักงานที่มีศักยภาพ จึงมีการจัดทำเครื่องมือเสริมสร้างแรงจูงใจในการทำงานระยะยาว ช่วยให้พนักงานมุ่งมั่นทำงานด้วยความรู้สึกของการมีส่วนร่วมในการเป็นเจ้าของกิจการ (Long-term incentives) ผ่านการจัดทำโครงการร่วมทุนระหว่างนายจ้างและลูกจ้างหรือ Employee Joint Investment Program (EJIP) ที่ธนาคารช่วยสมทบการลงทุนของพนักงานในการซื้อหุ้นของธนาคารในตลาดหลักทรัพย์เป็นระยะเวลา 3 ปี โดยเงินลงทุนทั้งสองส่วนอยู่ภายใต้ชื่อบัญชีที่เป็นกรรมสิทธิ์ของพนักงาน พนักงานได้รับเงินปันผลและสิทธิในการออกเสียงตามปกติ

ธนาคารได้วางแผนการสืบทอดตำแหน่งงานบริหารระดับสูงที่จะว่างลงเนื่องจากการคาดการณ์การเกษียณอายุ ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนผ่านที่ราบรื่นสำหรับผู้สืบทอดตำแหน่งและเกิดความต่อเนื่องทางธุรกิจ ธนาคารได้ระบุตำแหน่งที่มีความสำคัญและกำหนดโปรไฟล์ของผู้สืบทอดตำแหน่ง โดยผู้ที่มีศักยภาพที่ได้รับการคัดกรองจะได้รับการประเมินความพร้อมด้วยหลักเกณฑ์ที่สำคัญต่างๆ ก่อนจะได้เข้าร่วมในโปรแกรมการพัฒนาผู้สืบทอดตำแหน่งเพื่อพัฒนาทักษะที่จำเป็น

พนักงานสัมพันธ์

ธนาคารเคารพสิทธิแรงงานของพนักงานผู้ที่มีความสำคัญต่อการขับเคลื่อนองค์กร เพื่อให้มั่นใจว่าพนักงานทุกคนจะได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นธรรมและได้รับการคุ้มครองสิทธิประโยชน์อันควร คณะกรรมการสวัสดิการ (Welfare Committee) ซึ่งประกอบด้วยตัวแทนจากพนักงานทั้งหมด มีการประชุมร่วมกับสายงานทรัพยากรบุคคลในฐานะตัวแทนองค์กรทุก 6 เดือน เพื่อหารือเกี่ยวกับสิทธิของพนักงาน ผลประโยชน์และข้อกังวลต่างๆ โดยจะสรุปประเด็นสำคัญรายงานต่อคณะกรรมการจัดการเพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป โดยมี 4 สหภาพแรงงาน ได้แก่ สหภาพแรงงานธนาคารทหารไทย สหภาพแรงงานพนักงานธนาคารทหารไทย สหภาพแรงงานกิจการธนาคารทหารไทย และสหภาพแรงงานธนาคารทีเอ็มบี ธนชาต โดยมีพนักงานเข้าร่วมสหภาพแรงงานคิดเป็นร้อยละ 20 ของพนักงาน

ธนาคารและพนักงานได้ร่วมกันจัดตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพพนักงานธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) ซึ่งจดทะเบียนแล้ว ควบคุมกำกับดูแลการบริหารจัดการโดยคณะกรรมการกองทุน ฯ ประกอบด้วย กรรมการฝ่ายนายจ้างซึ่งมาจากการแต่งตั้ง และกรรมการฝ่ายลูกจ้างซึ่งมาจากการเลือกตั้งโดยสมาชิกกองทุนเพื่อส่งเสริมให้พนักงานสะสมเงินออมตามอัตราส่วนที่ต้องการส่วนหนึ่ง และธนาคารส่งสมทบตามอัตราส่วนตามอายุงานของพนักงานส่วนหนึ่ง และมีรูปแบบการจัดการกองทุนแบบ Employee’s Choice โดยพนักงานสามารถเลือกจ่ายเงินสะสมเข้ากองทุนได้ในอัตราร้อยละ 2-15 ของเงินเดือนของพนักงานแต่ละราย และธนาคารสมทบเงินร้อยละ 5-10 ของเงินเดือนของพนักงานเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เพื่อเป็นความมั่นคงหลังเกษียณอายุการทำงานของพนักงาน ทั้งนี้ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 ธนาคารมีพนักงานจำนวน 14,529 คน โดยมีพนักงาน 13,867 คนหรือคิดเป็น 95% ของพนักงานทั้งหมดเข้าร่วมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ

การติดตามและประเมินผลการทำงาน

เพื่อให้เกิดการเติบโตอย่างต่อเนื่อง พนักงานจึงได้รับการประเมินอย่างเป็นระบบผ่านการประเมินผลการทำงาน การประเมินสมรรถนะ และการทำ talent review อย่างสม่ำเสมอ โดยยังมีการวางแผนการสืบทอดตำแหน่งที่ระบุพนักงานที่มีศักยภาพสูงสำหรับสืบทอดตำแหน่งผู้นำต่อไป ในขณะเดียวกัน ก็มีแผนการปรับปรุงผลการทำงานอย่างเป็นระบบเพื่อช่วยส่งเสริมพนักงานที่ต้องการการพัฒนาเพิ่มเติม ทั้งนี้ ในปี 2567 100% ของพนักงานได้รับการประเมินผลการทำงานและปรึกษาแผนการทำงานกับหัวหน้างาน ซึ่งช่วยให้เกิดความสอดคล้องระหว่างเป้าหมายทางธุรกิจและความก้าวหน้าในสายอาชีพในส่วนบุคคล

การประเมินผลการปฏิบัติงานของพนักงาน

ธนาคารได้จัดทำกระบวนการภายในเพื่อประเมินผลการทำงานของพนักงาน เรียกว่า Employee Evaluation Appraisal โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อส่งเสริมการทำงานเป็นทีม สร้างวัฒนธรรม ttb รักษาการปฏิบัติตามจรรยาบรรณ (Code of Conduct) ส่งเสริมการสื่อสารแบบคล่องตัว และยกระดับคุณภาพชีวิตของพนักงาน

กระบวนการประเมินผลการทำงานประกอบด้วย 4 ขั้นตอน ได้แก่:

  1. กำหนดเกณฑ์การประเมิน (Define Criteria)
  2. การตรวจสอบระหว่างปี (Mid-Year Review)
  3. การสรุปเกณฑ์ (Finalize Criteria)
  4. การประเมิน (Evaluation)

นอกจากนี้ ธนาคารยังใช้ทั้งการประเมินรายบุคคลและทีม โดยให้ความสำคัญกับการให้ข้อเสนอแนะอย่างต่อเนื่องผ่านการประเมินแบบ 360 องศา เพื่อให้เกิดการสื่อสารระหว่างพนักงานและหัวหน้างานอย่างสม่ำเสมอ

สุขภาพและความปลอดภัยในสถานที่ปฏิบัติงาน

ธนาคารกำหนดนโยบายด้านความปลอดภัยในสถานที่ปฏิบัติงานและความปลอดภัยทางกายภาพ (Workplace Safety and Physical Security Policy) ซึ่งระบุแนวทางบริหารจัดการด้านอาชีวอนามัย ความปลอดภัยของสภาพแวดล้อมในสถานที่ปฏิบัติงานและความปลอดภัยทางกายภาพภายในธนาคาร โดยได้รับการอนุมัติโดยคณะกรรมการกำกับความเสี่ยง นโยบายดังกล่าวมีขอบเขตครอบคลุมทั้งพนักงาน ผู้ให้บริการ ผู้มาติดต่อและลูกค้าในทุกสถานที่ตั้งของธนาคาร

เพื่อให้การดูแลความปลอดภัยในสถานที่ปฏิบัติงามเป็นไปอย่างมีระบบ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารมีมติเห็นชอบให้จัดตั้งคณะกรรมการความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน โดยคณะกรรมการดังกล่าวประกอบด้วยตัวแทนจากนายจ้างและลูกจ้าง มีเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยเป็นเลขานุการของคณะ โดยคณะกรรมการฯ มีการจัดประชุมเป็นประจำทุกเดือนเพื่อปรึกษาหารือเกี่ยวกับประเด็นด้านความปลอดภัยที่ได้รับการรายงานจากพนักงาน ปรับปรุงการดำเนินงาน และติดตามผลการดำเนินงาน เช่น การลดหรือป้องกันความเสี่ยงด้านสุขภาพเทียบกับเป้าหมาย คณะกรรมการจะพิจารณานโยบายและแผนงานด้านความปลอดภัยในการทำงาน รวมทั้งความปลอดภัยนอกงานเพื่อป้องกันและลดบัติเหตุ การประสบอันตราย การเจ็บป่วย หรือการเกิดเหตุเดือดร้อนรำคาญอันเนื่องจากการทำงาน หรือความปลอดภัยในการทำงานเสนอต่อนายจ้าง หน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการและดำเนินงานด้านความปลอดภัยประกอบด้วย แผนกทรัพยากรอาคารและบริการส่วนกลาง แผนกบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ และแผนกอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ทรัพยากรบุคคล ผู้จัดการสาขาและสำนักงานขาย

ธนาคารมีการตั้งเป้าหมายอุบัติเหตุเป็นศูนย์และจำนวนวันบาดเจ็บจากการทำงานจนถึงขั้นหยุดงานเป็นศูนย์ ธนาคารดำเนินการตรวจสอบด้านสุขภาพและความปลอดภัยในสถานที่ปฏิบัติงานอย่างสม่ำเสมอ ตั้งแต่การออกแบบสถานที่ การดูแล สภาพแวดล้อมและการจัดหาอุปกรณ์สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ในการปฏิบัติงานเพื่อให้มั่นใจว่าธนาคารมีสภาพแวดล้อมในการปฏิบัติงานที่สอดคล้องกับมาตรฐานสากลรวมทั้งกฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ ธนาคารยังใช้มาตรการเชิงรุกเพื่อป้องกันการบาดเจ็บและการเจ็บป่วยที่เกิดจากการปฏิบัติงานโดยจัดอบรมด้านสุขภาพและความปลอดภัย เช่น การปฐมพยาบาล และการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน รวมถึงการดับเพลิงและหนีไฟ ให้แก่พนักงานทุกคน

การบริหารจัดการด้านสุขภาพและความปลอดภัยอยู่ภายใต้การดูแลระหว่างแผนกความปลอดภัยและแผนกบริหารทรัพยากรบุคคลและพนักงานสัมพันธ์ ทั้งสองหน่วยงานร่วมกันส่งเสริมด้านสุขภาพ ความปลอดภัยและความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน อีกทั้งมีการกำหนดเป้าหมายด้านความปลอดภัยและใช้ประกอบการพิจารณาการประเมินผลการดำเนินงานของบุคลากรที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ธนาคารมีการประเมินความเสี่ยงด้านสุขภาพและความปลอดภัยเพื่อกำหนดมาตรการป้องกันผลกระทบที่เหมาะสม จัดทำแผนการดำเนินงานและเป้าหมายที่ชัดเจน ตลอดจนตรวจประเมินการดำเนินงานด้านความปลอดภัยโดยหน่วยงานภายในและภายนอกอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้มั่นใจได้ถึงการบริหารจัดการด้านสุขภาพและความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพ โดยจะมีการรายงานผลการดำเนินงานด้านสุขภาพและความปลอดภัยของพนักงานแก่ผู้บริหารระดับสูงอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในสถานการณ์แพร่ระบาดไวรัสโควิด-19

งานทุกประเภทจะมีการวิเคราะห์เกี่ยวกับอันตรายต่อสุขภาพและความปลอดภัย ซึ่งพบว่ามีงาน 3 ลักษณะที่มีความเสี่ยงในระดับสูง ได้แก่ Call Center ซึ่งต้องสัมผัสกับเสียง ห้องเก็บเอกสารและงานพิมพ์เอกสารซึ่งต้องสัมผัสกับไฮโดรคาร์บอนและสารประกอบอินทรีย์ระเหยง่าย (Volatile organic compounds) แม้ว่าธนาคารจะมีมาตรการที่เหมาะสมเพื่อควบคุมความเสี่ยงในพื้นที่ดังกล่าว แต่หากพบว่าพนักงานได้รับสารดังกล่าวเกินกว่าระดับมาตรฐานที่กฎหมายกำหนด พนักงานจะได้รับการรักษาและตรวจติดตามอาการจนกว่าจะหายเป็นปกติ ตลอดจนดำเนินการตรวจสอบสาเหตุของเหตุการณ์ดังกล่าวอีกด้วย

นโยบายความมั่นคงปลอดภัยทางกายภาพในสถานที่ทำงาน

การดูแลด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน

เพื่อส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน ธนาคารได้จัดสวัสดิการและกำหนดมาตรการดังต่อไปนี้:

การลา

  • ลากิจ จำนวน 10 วันทำงานต่อปี โดยได้รับเงินเดือนเต็ม เพื่อประกอบกิจธุระ เช่น การติดต่อกับหน่วยงานราชการ ดูแลการเจ็บป่วย หรือกรณีเสียชีวิตของสมาชิกในครอบครัว พนักงานแต่งงาน พนักงานรับปริญญา หรือกรณีอื่น ๆ ตามการอนุมัติของหัวหน้างาน
  • ลาพักร้อน จำนวนอย่างน้อย 10 วันต่อปี ไม่รวมวันหยุดราชการ (ขึ้นกับระยะเวลาการทำงาน)
  • ลาป่วยโดยได้รับค่าจ้าง ปีละไม่เกิน 30 วันทำงาน
  • สิทธิลาอุปสมบทครั้งเดียวตลอดอายุการทำงาน เป็นเวลาไม่เกิน 120 วัน
  • สิทธิลาเพื่อประกอบพิธีฮัจญ์ครั้งเดียวตลอดอายุการทำงาน เป็นเวลาไม่เกิน 45 วัน โดยได้รับค่าจ้าง

การสนับสนุนครอบครัวพนักงาน

  • สิทธิลาก่อนคลอดและหลังคลอดสำหรับพนักงานผู้มีครรภ์รวมกัน ครรภ์หนึ่งไม่เกิน 98 วัน
  • สิทธิลาเพื่อไปดูแลภรรยาที่คลอดบุตร ครั้งหนึ่งไม่เกิน 5 วันทำงาน โดยได้รับค่าจ้าง
  • สิทธิลาเพื่อดูแลครอบครัว 10 วันทำงานต่อปี
  • ห้องปั๊มนมที่มีอุปกรณ์สำหรับเก็บนมพร้อมความเป็นส่วนตัว
  • ทุนการศึกษาบุตรพนักงาน มูลค่าทุนสูงสุด 13,000 บาท ต่อปีการศึกษา สำหรับพนักงานที่มีอายุงานมากกว่า 1 ปี

สวัสดิการด้านสุขภาพ

  • สถานพยาบาล คลินิกเวชกรรม ให้การดูแลโดยแพทย์แผนปัจจุบันและพยาบาล คลินิกทันตกรรม และแพทย์ทางเลือก ณ สำนักงานใหญ่
  • ห้องฟิตเนส
  • การสื่อสารภายในเกี่ยวกับประเด็นด้านสุขภาพ เช่น การยศาสตร์ (Ergonomics) สุขภาพและโภชนาการ เป็นต้น
  • การตรวจสุขภาพเฉพาะบุคคล เช่น การตรวจสมรรถภาพการได้ยินสำหรับกลุ่มพนักงานคอลเซ็นเตอร์ การตรวจสอบสมรรถภาพปอดและการวิเคราะห์ปริมาณสารอินทรีย์ระเหยง่ายสำหรับกลุ่มพนักงานให้ห้องเก็บเอกสารและงานพิมพ์
  • การเผ้าระวังตัวชี้วัด เช่น อุณหภูมิภายในอาคาร ความชื้น แสงสว่าง เสียง ฝุ่นละอองขนาดเล็ก สารเคมี แบคทีเรียในอากาศและโรงอาหาร คุณภาพน้ำดื่ม สารประกอบไฮโดรคาร์บอนและสารอินทรีย์ระเหยง่ายในพื้นที่เสี่ยง ธนาคารมีการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานด้วยตัวชี้วัดเหล่านี้เป็นประจำเพื่อสภาวะแวดล้อมในการทำงานที่ปลอดภัยสำหรับพนักงานอย่างน้อยปีละครั้งโดยหน่วยงานภายนอก การประเมินนี้เป็นไปตามข้อ 15 แห่งกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับความร้อน แสงสว่าง และเสียง พ.ศ. 2559
  • จัด Safety Day และการรณรงค์ด้านความปลอดภัย
  • จัดให้มีการทำงานที่ยืดหยุ่น ทั้งชั่วโมงการทำงานและสถานที่ทำงาน
  • การทำงานแบบพาร์ทไทม์เพื่อสนับสนุนงานระยะสั้น

ความหลากหลายในที่ทำงาน

ธนาคารมีความมุ่งมั่นในการส่งเสริมความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการไม่แบ่งแยก เหนือสิ่งอื่นใดธนาคารไม่ยอมรับการเลือกปฏิบัติจากปัจจัยด้าน อายุ เพศ รสนิยมทางเพศ สมรรถภาพทางกาย เชื้อชาติ ชาติพันธุ์ ประเทศต้นกำเนิด สัญชาติ ภูมิหลังทางวัฒนธรรม ศาสนา ความเชื่อ วัฒนธรรมและภูมิหลังทางเศรษฐกิจและสังคม ทั้งนี้สืบเนื่องมาจากการที่ธนาคารให้คุณค่ากับความแตกต่างของแต่ละบุคคลซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการเติบโตอย่างยั่งยืน

นับตั้งแต่มีการประกาศคำแถลงการณ์เรื่องความหลากหลายและการมีส่วนร่วม ในปี 2562 โดยได้รับการอนุมัติจากประธานเจ้าหน้าที่บริหารและคณะกรรมการธนาคาร ธนาคารได้รายงานข้อมูลด้านความหลากหลายและความเท่าเทียมทางเพศ พร้อมทั้งปรับปรุงวัฒนธรรมองค์กรเพื่อส่งเสริมความมุ่งมั่นของธนาคารอยู่เสมอ

ความก้าวหน้า

  1. ความเสมอภาคทางเพศ (Gender Equality):
    หนึ่งในเป้าหมายหลักคือการรักษาสัดส่วนพนักงานหญิงไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ภายในปี 2567 ครอบคลุมสำหรับพนักงานทั้งหมด และพนักงานแบ่งตามระดับตำแหน่งผู้บริหารทุกระดับ พนักงานระดับปฏิบัติการ รวมถึงกลุ่มตำแหน่งในหน่วยงานที่สร้างรายได้ให้กับธนาคาร และกลุ่มพนักงานที่มีทักษะเกี่ยวกับ สะเต็ม (STEM: Science, Technology, Engineering, Mathematics) ธนาคารมีกรอบโครงสร้างค่าตอบแทนที่ยึดตามบทบาทและผลงาน โดยไม่คำนึงถึงเพศ พร้อมทั้งตรวจสอบความเท่าเทียมของสัดส่วนค่าตอบแทนอยู่เสมอ
  2. ความหลากหลายด้านสัญชาติ (Nationality Diversity):
    ธนาคารส่งเสริมการมีบุคลากรหลายเชื้อชาติ ในปี 2567 องค์ประกอบบุคลากรแบ่งตามสัญชาติ ดังนี้
      ทุกระดับงาน ระดับบริหาร
    ไทย 14,523 (99.95%) 1,318 (99.70%)
    จีน 1 (0.01%) 1 (0.08%)
    ฮังการี 1 (0.01%) 1 (0.08%)
    อื่น ๆ 4 (0.03%) 2 (0.14%)
  3. ศาสนา (Religion):
    ธนาคารเคารพความเชื่อทางศาสนาทุกศาสนาและจัดสิ่งอำนวยความสะดวกที่เหมาะสม โดยห้ามการเลือกปฏิบัติโดยเด็ดขาด
  4. อัตลักษณ์ทางเพศและรสนิยมทางเพศ (Gender Identity and Sexual Orientation):
    มีการติดตามสัดส่วนทางเพศ จัดอบรมสร้างความเข้าใจเรื่อง LGBTQIA+ และไม่ยอมรับการคุกคามทุกรูปแบบ
  5. ความหลากหลายด้านอายุ (Age Diversity):
    สนับสนุนความร่วมมือข้ามชวงวัย และช่วยพัฒนาทักษะใหม่ให้กับพนักงานที่ใกล้เกษียณ
  6. การมีส่วนร่วมของผู้พิการ (Disability Inclusion):
    ธนาคารจัดสิ่งอำนวยความสะดวกที่เข้าถึงได้ เปิดรับสมัครโดยไม่ตัดสินจากความพิการ และสนับสนุนกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ

นอกจากสิทธิในที่ทำงานแล้ว ธนาคารยังกำหนดให้พนักงานทุกคนต้องเข้ารับการอบรมหลักสูตรจรรยาบรรณพนักงาน (Code of Conduct) ผ่านทางออนไลน์ โดยมีการทบทวนปีละ 1 ครั้ง ซึ่งครอบคลุมเนื้อหาเกี่ยวกับความเท่าเทียมและการไม่เลือกปฏิบัติ และสิทธิส่วนบุคคล ซึ่งช่วยให้พนักงานสามารถประพฤติตนอย่างเหมาะสมกับลูกค้าและบุคคลอื่น ในปี 2567 ธนาคารไม่พบกรณีการไม่ปฏิบัติตามกฎหมายแรงงาน

คำแถลงการณ์เรื่องความหลากหลายและการมีส่วนร่วม

ธนาคารมีนโยบายและคณะกรรมการทรัพยากรบุคคลและค่าตอบแทน (Human Resources and Remuneration Committee) ซึ่งมีหน้าที่ทบทวนและเสนอแนะแนวทางเชิงกลยุทธ์ด้านการบริหารทรัพยากรบุคคล ได้แก่ การสรรหาพนักงาน ค่าตอบแทนและสวัสดิการ ข้อกำหนดทางกฎหมายด้านแรงงานและความสัมพันธ์แรงงาน ตลอดจนสิทธิมนุษยชน การบริหารทรัพยากรบุคคลถือเป็นส่วนสำคัญต่อความต่อเนื่องและการเติบโตของธนาคาร ดังนั้น ธนาคารจึงมุ่งมั่นที่จะสร้างให้ที่นี่เป็นสถานที่ทำงานที่พนักงานสามารถ “สร้างการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง (Make REAL Change)” ได้

คำมั่นสัญญาด้านแนวปฏิบัติแรงงาน

ทีทีบีมุ่งมั่นที่จะยึดถือสิทธิแรงงานขั้นพื้นฐาน และส่งเสริมสภาพการทำงานที่เป็นธรรม ปลอดภัย และเท่าเทียมทั่วทั้งการดำเนินงานและห่วงโซ่คุณค่า เราเชื่อว่าการเคารพสิทธิแรงงานไม่เพียงเป็นข้อบังคับทางกฎหมายเท่านั้น แต่ยังเป็นรากฐานที่สำคัญของการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนและความผาสุกของสังคม

เพื่อให้สอดคล้องกับพันธสัญญาดังกล่าว ธนาคารได้กำหนดให้แนวปฏิบัติด้านแรงงานสะท้อนทั้งมาตรฐานแรงงานสากลและข้อกำหนดตามกฎหมายของประเทศ อีกทั้งยังคาดหวังให้คู่สัญญาและพันธมิตรทางธุรกิจ รวมถึงลูกค้าธุรกิจของธนาคารปฏิบัติตามมาตรฐานเดียวกันในฐานะส่วนหนึ่งของระบบนิเวศทางธุรกิจที่มีความรับผิดชอบและมีจริยธรรม

  1. ค่าจ้างเพื่อการดำรงชีพ (Living Wage): ธนาคารมุ่งมั่นที่จะให้ค่าตอบแทนไม่น้อยกว่าค่าจ้างขั้นต่ำตามกฎหมาย และเพียงพอต่อการดำรงชีวิตที่มีคุณภาพ
  2. ชั่วโมงทำงานและการลาหยุด: ธนาคารยึดมั่นในการหลีกเลี่ยงหรือจำกัดการทำงานล่วงเวลาเกินควร โดยกำหนดชั่วโมงทำงานสูงสุดที่ชัดเจนและเป็นธรรมตามกฎหมายแรงงานไทย รวมทั้งรับรองสิทธิการลาพักร้อนประจำปีเพื่อสุขภาพกายและใจของพนักงาน
  3. การจ้างงานที่เป็นธรรม ค่าตอบแทนที่เป็นธรรมและการปฏิบัติที่เท่าเทียม: ธนาคารส่งเสริมความเท่าเทียมและไม่เลือกปฏิบัติ โดยมุ่งมั่นที่จะให้โอกาสที่เท่าเทียม ค่าตอบแทนที่เป็นธรรม และการเติบโตในสายอาชีพแก่พนักงานทุกคน โดยไม่คำนึงถึงเพศ อายุ ความพิการ หรือภูมิหลังที่หลากหลาย หลักการ “ค่าตอบแทนเท่ากันสำหรับงานที่เท่ากัน” ระหว่างชายและหญิงถือเป็นหลักสำคัญของแนวปฏิบัติแรงงาน โดยธนาคารมีมาตรการในการเฝ้าติดตามความก้าวหน้าในการลดช่องว่างค่าตอบแทนระหว่างเพศอย่างสม่ำเสมอ
  4. การดูแลในช่วงการเปลี่ยนผ่านของแรงงาน: ในกรณีที่มีการปรับโครงสร้างหรือการเลิกจ้าง ธนาคารให้คำมั่นว่าจะมีการแจ้งล่วงหน้าและปรึกษาหารือกับพนักงานอย่างเหมาะสมและโปร่งใส เพื่อลดผลกระทบด้านลบ
  5. การจ้างงานในท้องถิ่น: ธนาคารมุ่งสรรหาและพัฒนาบุคลากรจากชุมชนที่ดำเนินงานอยู่ เพื่อสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจในภูมิภาค สร้างความผูกพันกับชุมชน และเสริมสร้างความเข้าใจทางวัฒนธรรม

โครงการที่ธนาคารดำเนินการเพื่อให้คำมั่นเหล่านี้เกิดขึ้นจริง ได้แก่:

  • จ่ายค่าจ้างไม่น้อยกว่าค่าครองชีพหรือมาตรฐานในพื้นที่ เพื่อความมั่นคงทางการเงินของพนักงาน
  • ติดตามชั่วโมงการทำงานและการทำงานล่วงเวลาเพื่อป้องกันการทำงานหนักเกินไป
  • จ่ายค่าล่วงเวลาตามกฎหมายไทยและนโยบายของธนาคาร
  • มีการหารือกับตัวแทนแรงงานเพื่อสื่อสารสองทางและพัฒนาสภาพการทำงานอย่างต่อเนื่อง
  • ตรวจสอบช่องว่างค่าตอบแทนระหว่างเพศและเปิดเผยในรายงานความยั่งยืนประจำปี
  • ขยายความคุ้มครองทางสังคมเกินกว่าที่ภาครัฐกำหนด เช่น การประกันสุขภาพกลุ่ม
  • กำหนดให้พนักงานใช้สิทธิลาพักร้อนผ่านระบบบังคับพักต่อเนื่องประจำปี (block leave) เพื่อสมดุลชีวิตและการทำงาน
  • จัดฝึกอบรมและการพัฒนาทักษะใหม่เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง เช่น ด้านดิจิทัล การเงินเพื่อการเปลี่ยนผ่าน และการจัดการความเสี่ยงด้านสภาพภูมิอากาศ
  • สนับสนุนการจ้างงานเยาวชนผ่านโครงการฝึกงานที่ให้ประสบการณ์จริง

ท้ายที่สุด ธนาคารมีความมุ่งมั่นที่จะสร้างสถานที่ทำงานที่ยึดหลัก “ความเป็นธรรม ศักดิ์ศรี และความเคารพ” ให้กับทุกคน

การพัฒนาศักยภาพของพนักงาน (Human Capital Development)

ธนาคารกำหนดกลยุทธ์การฝึกอบรมที่เน้นการเสริมสร้างภาวะความเป็นผู้นำให้แก่พนักงานทุกคน อันจะส่งผลให้พนักงานมีความพร้อมที่จะผลักดันให้ธนาคารบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจ โดยที่การฝึกอบรมในแต่ละหลักสูตรจะมีเนื้อหาสาระที่เหมาะสมกับทักษะของพนักงานในแต่ละกลุ่มและสอดคล้องกับบริบทของงานและบทบาทของพนักงานในอนาคต ธนาคารวัดมูลค่าของพนักงานในองค์กร ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา (2564-2667) โดยมีผลการดำเนินงาน ดังนี้ 2.8, 3.2, 3.4 และ 3.6 ตามลำดับ ในปี 2568 พนักงานทั้งหมดได้ผ่านการอบรมรวมทั้งสิ้น 566,631 ชั่วโมง เทียบเท่า 39 ชั่วโมงการอบรมต่อคนต่อปี

เส้นทางและกลยุทธ์ด้านทรัพยากรบุคคล (HR Roadmap and Strategy)

ธนาคารมุ่งสร้างความแตกต่างให้เกิดขึ้นในภาคธนาคารพาณิชย์ของประเทศ และเชื่อว่าการเสริมสร้างพนักงานให้มีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะท้าทายและปรับปรุงแก้ไขสิ่งที่เป็นอยู่ จะส่งผลให้ธนาคารสามารถส่งมอบคุณค่าที่ดีที่สุดให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม

  • พนักงานของธนาคารมีเส้นทางการเติบโตสายอาชีพที่ชัดเจน ธนาคารกำหนดแผนงานสายอาชีพและแผนพัฒนาบุคคลากรที่ชัดเจนและสอดคล้องกับศักยภาพของพนักงานแต่ละคนและสมรรถนะ (Competency) ที่จำเป็น
  • การพัฒนาสู่ความเป็นเลิศ (Best Development) ธนาคารส่งเสริมแห่งการเรียนรู้พร้อมแผนการพัฒนาที่มีโครงสร้างที่ชัดเจน
  • การยกย่องผลงาน (Performance Recognition) ธนาคารมีหลักเกณฑ์การจ่ายผลตอบแทนและการยกย่องชมเชยพนักงานตามผลงาน
  • วัฒนธรรม (Make REAL Change) ธนาคารสนับสนุนให้พนักงานคิดและทำในสิ่งที่แตกต่างอย่างสร้างสรรค์

โครงการพัฒนาและฝึกอบรมพนักงาน

ธนาคารออกแบบโครงการพัฒนาศักยภาพของพนักงานเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการทางธุรกิจและทำให้มีประสิทธิภาพ

  1. รูปแบบการประเมินผลการฝึกอบรม Kirk-Patrick กำหนดผลลัพธ์ทางธุรกิจและพฤติกรรมที่คาดหวังที่ชัดเจนก่อนการพัฒนาโครงการฝึกอบรม
  2. การมีส่วนร่วมของผู้บริหาร ช่วยให้มั่นใจว่าผู้บริหารระดับสูงและผู้บังคับบัญชาทุกระดับมีส่วนร่วมมากขึ้นในการวางแผนโครงการพัฒนาพนักงานกับสายงานทรัพยากรบุคคล เพื่อให้เกิดความรับผิดชอบร่วมกันในการพัฒนาพนักงานในสายงาน
  3. แนวทางการเรียนรู้แบบผสมผสาน ได้แก่ ห้องเรียน (Classroom Training) ห้องเรียนเสมือนจริง (Virtual Classroom) และการแบ่งปันความรู้ร่วมกัน ซึ่งจะส่งผลให้พนักงานสามารถเรียนรู้ได้จากทุกที่ ทุกเวลา
  4. รูปแบบการเรียนรู้ที่สั้นกระชับ บทเรียนสั้นๆ ช่วยให้พนักงานสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง เพิ่มการเข้าถึงและการมีส่วนร่วม
  5. กรอบการพัฒนาพนักงานที่ผสานแผนงานต่างๆ เข้าด้วยกัน กำหนดวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนแทนการมีแผนงานกระจัดกระจายหลายด้าน

โดยโครงการพัฒนาศักยภาพของพนักงานสามารถแบ่งได้เป็นกลุ่มหลักๆ ดังนี้

แผนการพัฒนาความสามารถหลักและทั่วไป

พนักงานพัฒนาทักษะหลักที่จำเป็นต่อความสำเร็จในสายอาชีพผ่านการฝึกอบรมอย่างเป็นระบบ โดยมีแผนการพัฒนาความสามารถหลักที่มุ่งเน้นทักษะพื้นฐาน และแผนการเสริมสร้างความเชี่ยวชาญในงานของ ttb Academy ซึ่งดำเนินการฝึกอบรมใน 4 สาขา ได้แก่ การขายและการบริหารความสัมพันธ์ เทคโนโลยีสารสนเทศและข้อมูล การบริหารจัดการความเสี่ยง และการพัฒนาผลิตภัณฑ์

แผนการพัฒนาภาวะผู้นำ

โครงการพัฒนาภาวะผู้นำช่วยเตรียมความพร้อมพนักงานสู่บทบาทในการบริหารจัดการ โดยเน้นพัฒนาทักษะด้านการบริหารบุคคลและทักษะในการตัดสินใจให้กับผู้จัดการใหม่ พัฒนาศักยภาพการเป็นผู้นำให้กับผู้บริหารระดับกลาง และพัฒนาการคิดเชิงกลยุทธ์และการสร้างทักษะความเฉียบแหลมทางธุรกิจให้กับผู้บริหารระดับอาวุโส ในขณะที่พนักงานที่มีศักยภาพสูงจะได้รับโอกาสในการพัฒนาสายอาชีพอย่างรวดเร็ว (fast track) เพื่อเตรียมพร้อมสู่ตำแหน่งผู้นำต่อไป

ttb awards

ธนาคารเล็งเห็นคุณค่าของนวัตกรรมและความมุ่งมั่นของพนักงานในการสร้างการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงเพื่อลูกค้าและธนาคาร ทีทีบี จึงได้จัดให้มีการมอบรางวัล ttb Awards เป็นประจำทุกปี โดยมีการจัดการแข่งขันภายในองค์กรเพื่อให้พนักงานส่งผลงานความคิดริเริ่ม ผลิตภัณฑ์ หรือโครงการที่ส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีทางการเงินให้กับลูกค้า และ/หรือช่วยพัฒนาผลการดำเนินงานของธนาคาร พนักงานจะแข่งขันกันใน 5 ด้าน ได้แก่ การสร้างรายได้ Ecosystem Play การบริหารความเสี่ยงด้วยข้อมูล การทำให้เป็นดิจิทัล และพนักงานและวัฒนธรรมองค์กร โดยรางวัลใหญ่ ได้แก่ รางวัล “Make REAL Change” สำหรับผลงานที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงมากและสร้างผลกระทบสูง กิจกรรมนี้ยังต้องการให้ผู้เข้าร่วมทำงานร่วมกันเป็นทีมข้ามสายงานธุรกิจ เพื่อขยายเครือข่ายภายในธนาคาร

การเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ครุฑ

ธนาคารภูมิใจนำเสนอพิพิธภัณฑ์ครุฑ ณ บางปู ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้เยี่ยมชมได้เรียนรู้วัฒนธรรมไทยผ่านประวัติศาสตร์อันลึกซึ้งของครุฑ ในฐานะส่วนหนึ่งของการส่งเสริมวัฒนธรรม ธนาคารได้สนับสนุนให้พนักงานเข้าชมพิพิธภัณฑ์อย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจและความซาบซึ้งในสัญลักษณ์ประจำชาติ

โครงการเตรียมความพร้อมสำหรับพนักงานที่เกษียณและพ้นสภาพ

ttb ตระหนักถึงความสำคัญของการเปลี่ยนผ่านอย่างราบรื่นสำหรับพนักงานที่กำลังออกจากองค์กร จึงได้พัฒนาโครงการเตรียมความพร้อมอย่างครอบคลุมสำหรับพนักงานที่เกษียณและพ้นสภาพ ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของเราในการส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต ความมั่นคงทางการเงิน และการมีส่วนร่วมกับสังคมอย่างต่อเนื่อง

องค์ประกอบหลักของโครงการ ได้แก่:

  • หลักสูตรโค้ชปลดหนี้และการอบรมความรู้ทางการเงิน: พนักงานที่เกษียณจะได้รับการอบรมเฉพาะทางเกี่ยวกับการบริหารจัดการการเงินส่วนบุคคล การปรับโครงสร้างหนี้ และการวางแผนงบประมาณ เพื่อให้สามารถรักษาเสถียรภาพทางการเงินหลังออกจากงาน และสามารถถ่ายทอดความรู้ให้แก่ผู้อื่นในชุมชนในฐานะโค้ชปลดหนี้
  • เวิร์กช็อปพัฒนาทักษะ: ผู้เข้าร่วมจะได้รับการฝึกอบรมในด้านต่าง ๆ เช่น การเป็นผู้ประกอบการ ทักษะดิจิทัล การขาย และการสื่อสาร เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการประกอบอาชีพหรือบทบาทใหม่หลังจากออกจากธนาคาร

แนวทางแบบองค์รวมนี้ช่วยให้พนักงานมีความมั่นใจและศักยภาพในการเริ่มต้นบทใหม่ของชีวิต

การบริหารความเสี่ยงด้านปฏิบัติการและความตระหนักในด้านความปลอดภัย

ธนาคารให้ความสำคัญด้านการบริหารความเสี่ยงและการสร้างความตระหนักด้านความปลอดภัย โดยตระหนักถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อลูกค้าและชื่อเสียงขององค์กร ธนาคารจึงได้จัดโปรแกรมฝึกอบรมด้านการบริหารความเสี่ยงและความปลอดภัยหลายหลักสูตร เช่น การบริหารความเสี่ยงด้านปฏิบัติการองค์กร (Corporate Operational Risk Management) การป้องกันการฟอกเงิน (Anti-Money Laundering) การส่งเสริมความตระหนักด้านความเสี่ยง (Promoting risk Awareness) ภัยคุกคามทางไซเบอร์ (Cyber Threats) แก่พนักงานผ่านช่องทางออนไลน์ที่พนักงานทั่วประเทศสามารถเข้าถึงได้

นอกจากการพัฒนาทักษะเพื่อการเติบโตในสายอาชีพแล้ว จากความมุ่งมั่นของธนาคารที่จะส่งมอบคุณภาพชีวิตทางการเงินที่ดีให้กับคนไทย พนักงานของธนาคารคือแรงขับเคลื่อนสำคัญที่จะส่งมอบความตั้งใจนี้ให้ถึงมือลูกค้าได้ ดังนั้นการส่งเสริมให้พนักงานมีความรู้ความสามารถที่แข็งแกร่งขึ้นจึงเป็นภารกิจสำคัญ

การรักษาพนักงานและการพัฒนาผู้สืบทอดตำแหน่ง

ธนาคารตระหนักดีว่าความผูกพันของพนักงานที่มีต่อองค์กร เป็นปัจจัยสำคัญต่อการเติบโตและการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน ด้วยเหตุนี้ ธนาคารจึงได้ดำเนินการสำรวจความผูกพันของพนักงานที่มีต่อองค์กรเป็นประจำทุกปี (VOE: Voice of Employee หรือ Employee Engagement Survey) ในปี 2567 ธนาคารได้ดำเนินการสำรวจความผูกพันของพนักงานแบบสั้น (VOE-Pulse Survey) เพื่อรวบรวมข้อคิดเห็นและใช้ข้อมูลดังกล่าวในการปรับปรุงแผนงานเพื่อตอบสนองต่อความต้องการและข้อกังวลของพนักงาน ทั้งนี้ ในการสำรวจความผูกพันของพนักงานแบบสั้นดังกล่าวมีพนักงานเข้าร่วมคิดเป็น 97% โดยมีคะแนนความพึงพอใจเฉลี่ยอยู่ที่ 65% จากเป้าหมายร้อยละ 64% โดยคะแนนความพึงพอใจใน 5 ด้านหลักที่ได้รับการระบุว่าต้องได้รับการปรับปรุงมีคะแนนเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 10% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยผลการสำรวจจะถูกนำไปพัฒนา ปรับปรุง เพื่อให้ธนาคารเป็นองค์กรที่น่าทำงานมากยิ่งขึ้น รวมถึงนำไปทำแผนพัฒนาเพื่อยกระดับความผูกพันและความพึงพอใจของพนักงานต่อไป

พนักงานที่ถือว่ามีความผูกพันกับองค์กร จะต้องมีพฤติกรรมทั้ง 3 ด้าน ดังนี้

  • พูดสิ่งดี ๆ เกี่ยวกับองค์กรเมื่อมีโอกาส (Say)
  • ต้องการทำงานอยู่กับองค์กร (Stay)
  • ทุ่มเททำงานให้งานและองค์กรประสบความสำเร็จ (Strive)

ซึ่งสืบเนื่องมาจากการสร้างประสบการณ์ที่ดี (The Employee Experience) ให้กับพนักงานผ่านตัวขับเคลื่อนความผูกพัน (Engagement drivers) คือ

  • ความเป็นผู้นำที่สร้างความผูกพัน (Engaging Leadership)
  • การให้ความสำคัญกับพนักงาน เช่น แผนการพัฒนาอาชีพ จำนวนพนักงาน การประเมินผลงาน (Talent Focus)
  • ความคล่องตัว เช่น การร่วมมือ ความหลากหลาย การใช้หลักลูกค้าเป็นศุนย์กลาง (Agility)
  • ปัจจัยพื้นฐาน เช่น สุขภาพกาย สุขภาพใจ ความเครียดจากการทำงาน (The Basics)
  • งาน เช่น ความพึงพอใจในตัวงาน ความสุขในการทำงาน งานที่ตอบโจทย์เป้าหมายชีวิต (The Work)

ธนาคารได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของพนักงานที่มีศักยภาพ จึงมีการจัดทำเครื่องมือเสริมสร้างแรงจูงใจในการทำงานระยะยาว ช่วยให้พนักงานมุ่งมั่นทำงานด้วยความรู้สึกของการมีส่วนร่วมในการเป็นเจ้าของกิจการ (Long-term incentives) ผ่านการจัดทำโครงการร่วมทุนระหว่างนายจ้างและลูกจ้างหรือ Employee Joint Investment Program (EJIP) ที่ธนาคารช่วยสมทบการลงทุนของพนักงานในการซื้อหุ้นของธนาคารในตลาดหลักทรัพย์เป็นระยะเวลา 3 ปี โดยเงินลงทุนทั้งสองส่วนอยู่ภายใต้ชื่อบัญชีที่เป็นกรรมสิทธิ์ของพนักงาน พนักงานได้รับเงินปันผลและสิทธิในการออกเสียงตามปกติ

ธนาคารได้วางแผนการสืบทอดตำแหน่งงานบริหารระดับสูงที่จะว่างลงเนื่องจากการคาดการณ์การเกษียณอายุ ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนผ่านที่ราบรื่นสำหรับผู้สืบทอดตำแหน่งและเกิดความต่อเนื่องทางธุรกิจ ธนาคารได้ระบุตำแหน่งที่มีความสำคัญและกำหนดโปรไฟล์ของผู้สืบทอดตำแหน่ง โดยผู้ที่มีศักยภาพที่ได้รับการคัดกรองจะได้รับการประเมินความพร้อมด้วยหลักเกณฑ์ที่สำคัญต่างๆ ก่อนจะได้เข้าร่วมในโปรแกรมการพัฒนาผู้สืบทอดตำแหน่งเพื่อพัฒนาทักษะที่จำเป็น

พนักงานสัมพันธ์

ธนาคารเคารพสิทธิแรงงานของพนักงานผู้ที่มีความสำคัญต่อการขับเคลื่อนองค์กร เพื่อให้มั่นใจว่าพนักงานทุกคนจะได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นธรรมและได้รับการคุ้มครองสิทธิประโยชน์อันควร คณะกรรมการสวัสดิการ (Welfare Committee) ซึ่งประกอบด้วยตัวแทนจากพนักงานทั้งหมด มีการประชุมร่วมกับสายงานทรัพยากรบุคคลในฐานะตัวแทนองค์กรทุก 6 เดือน เพื่อหารือเกี่ยวกับสิทธิของพนักงาน ผลประโยชน์และข้อกังวลต่างๆ โดยจะสรุปประเด็นสำคัญรายงานต่อคณะกรรมการจัดการเพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป โดยมี 4 สหภาพแรงงาน ได้แก่ สหภาพแรงงานธนาคารทหารไทย สหภาพแรงงานพนักงานธนาคารทหารไทย สหภาพแรงงานกิจการธนาคารทหารไทย และสหภาพแรงงานธนาคารทีเอ็มบี ธนชาต โดยมีพนักงานเข้าร่วมสหภาพแรงงานคิดเป็นร้อยละ 20 ของพนักงาน

ธนาคารและพนักงานได้ร่วมกันจัดตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพพนักงานธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) ซึ่งจดทะเบียนแล้ว ควบคุมกำกับดูแลการบริหารจัดการโดยคณะกรรมการกองทุน ฯ ประกอบด้วย กรรมการฝ่ายนายจ้างซึ่งมาจากการแต่งตั้ง และกรรมการฝ่ายลูกจ้างซึ่งมาจากการเลือกตั้งโดยสมาชิกกองทุนเพื่อส่งเสริมให้พนักงานสะสมเงินออมตามอัตราส่วนที่ต้องการส่วนหนึ่ง และธนาคารส่งสมทบตามอัตราส่วนตามอายุงานของพนักงานส่วนหนึ่ง และมีรูปแบบการจัดการกองทุนแบบ Employee’s Choice โดยพนักงานสามารถเลือกจ่ายเงินสะสมเข้ากองทุนได้ในอัตราร้อยละ 2-15 ของเงินเดือนของพนักงานแต่ละราย และธนาคารสมทบเงินร้อยละ 5-10 ของเงินเดือนของพนักงานเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เพื่อเป็นความมั่นคงหลังเกษียณอายุการทำงานของพนักงาน ทั้งนี้ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 ธนาคารมีพนักงานจำนวน 14,529 คน โดยมีพนักงาน 13,867 คนหรือคิดเป็น 95% ของพนักงานทั้งหมดเข้าร่วมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ

การติดตามและประเมินผลการทำงาน

เพื่อให้เกิดการเติบโตอย่างต่อเนื่อง พนักงานจึงได้รับการประเมินอย่างเป็นระบบผ่านการประเมินผลการทำงาน การประเมินสมรรถนะ และการทำ talent review อย่างสม่ำเสมอ โดยยังมีการวางแผนการสืบทอดตำแหน่งที่ระบุพนักงานที่มีศักยภาพสูงสำหรับสืบทอดตำแหน่งผู้นำต่อไป ในขณะเดียวกัน ก็มีแผนการปรับปรุงผลการทำงานอย่างเป็นระบบเพื่อช่วยส่งเสริมพนักงานที่ต้องการการพัฒนาเพิ่มเติม ทั้งนี้ ในปี 2567 100% ของพนักงานได้รับการประเมินผลการทำงานและปรึกษาแผนการทำงานกับหัวหน้างาน ซึ่งช่วยให้เกิดความสอดคล้องระหว่างเป้าหมายทางธุรกิจและความก้าวหน้าในสายอาชีพในส่วนบุคคล

การประเมินผลการปฏิบัติงานของพนักงาน

ธนาคารได้จัดทำกระบวนการภายในเพื่อประเมินผลการทำงานของพนักงาน เรียกว่า Employee Evaluation Appraisal โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อส่งเสริมการทำงานเป็นทีม สร้างวัฒนธรรม ttb รักษาการปฏิบัติตามจรรยาบรรณ (Code of Conduct) ส่งเสริมการสื่อสารแบบคล่องตัว และยกระดับคุณภาพชีวิตของพนักงาน

กระบวนการประเมินผลการทำงานประกอบด้วย 4 ขั้นตอน ได้แก่:

  1. กำหนดเกณฑ์การประเมิน (Define Criteria)
  2. การตรวจสอบระหว่างปี (Mid-Year Review)
  3. การสรุปเกณฑ์ (Finalize Criteria)
  4. การประเมิน (Evaluation)

นอกจากนี้ ธนาคารยังใช้ทั้งการประเมินรายบุคคลและทีม โดยให้ความสำคัญกับการให้ข้อเสนอแนะอย่างต่อเนื่องผ่านการประเมินแบบ 360 องศา เพื่อให้เกิดการสื่อสารระหว่างพนักงานและหัวหน้างานอย่างสม่ำเสมอ

สุขภาพและความปลอดภัยในสถานที่ปฏิบัติงาน

ธนาคารกำหนดนโยบายด้านความปลอดภัยในสถานที่ปฏิบัติงานและความปลอดภัยทางกายภาพ (Workplace Safety and Physical Security Policy) ซึ่งระบุแนวทางบริหารจัดการด้านอาชีวอนามัย ความปลอดภัยของสภาพแวดล้อมในสถานที่ปฏิบัติงานและความปลอดภัยทางกายภาพภายในธนาคาร โดยได้รับการอนุมัติโดยคณะกรรมการกำกับความเสี่ยง นโยบายดังกล่าวมีขอบเขตครอบคลุมทั้งพนักงาน ผู้ให้บริการ ผู้มาติดต่อและลูกค้าในทุกสถานที่ตั้งของธนาคาร

เพื่อให้การดูแลความปลอดภัยในสถานที่ปฏิบัติงามเป็นไปอย่างมีระบบ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารมีมติเห็นชอบให้จัดตั้งคณะกรรมการความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน โดยคณะกรรมการดังกล่าวประกอบด้วยตัวแทนจากนายจ้างและลูกจ้าง มีเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยเป็นเลขานุการของคณะ โดยคณะกรรมการฯ มีการจัดประชุมเป็นประจำทุกเดือนเพื่อปรึกษาหารือเกี่ยวกับประเด็นด้านความปลอดภัยที่ได้รับการรายงานจากพนักงาน ปรับปรุงการดำเนินงาน และติดตามผลการดำเนินงาน เช่น การลดหรือป้องกันความเสี่ยงด้านสุขภาพเทียบกับเป้าหมาย คณะกรรมการจะพิจารณานโยบายและแผนงานด้านความปลอดภัยในการทำงาน รวมทั้งความปลอดภัยนอกงานเพื่อป้องกันและลดบัติเหตุ การประสบอันตราย การเจ็บป่วย หรือการเกิดเหตุเดือดร้อนรำคาญอันเนื่องจากการทำงาน หรือความปลอดภัยในการทำงานเสนอต่อนายจ้าง หน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการและดำเนินงานด้านความปลอดภัยประกอบด้วย แผนกทรัพยากรอาคารและบริการส่วนกลาง แผนกบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ และแผนกอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ทรัพยากรบุคคล ผู้จัดการสาขาและสำนักงานขาย

ธนาคารมีการตั้งเป้าหมายอุบัติเหตุเป็นศูนย์และจำนวนวันบาดเจ็บจากการทำงานจนถึงขั้นหยุดงานเป็นศูนย์ ธนาคารดำเนินการตรวจสอบด้านสุขภาพและความปลอดภัยในสถานที่ปฏิบัติงานอย่างสม่ำเสมอ ตั้งแต่การออกแบบสถานที่ การดูแล สภาพแวดล้อมและการจัดหาอุปกรณ์สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ในการปฏิบัติงานเพื่อให้มั่นใจว่าธนาคารมีสภาพแวดล้อมในการปฏิบัติงานที่สอดคล้องกับมาตรฐานสากลรวมทั้งกฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ ธนาคารยังใช้มาตรการเชิงรุกเพื่อป้องกันการบาดเจ็บและการเจ็บป่วยที่เกิดจากการปฏิบัติงานโดยจัดอบรมด้านสุขภาพและความปลอดภัย เช่น การปฐมพยาบาล และการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน รวมถึงการดับเพลิงและหนีไฟ ให้แก่พนักงานทุกคน

การบริหารจัดการด้านสุขภาพและความปลอดภัยอยู่ภายใต้การดูแลระหว่างแผนกความปลอดภัยและแผนกบริหารทรัพยากรบุคคลและพนักงานสัมพันธ์ ทั้งสองหน่วยงานร่วมกันส่งเสริมด้านสุขภาพ ความปลอดภัยและความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน อีกทั้งมีการกำหนดเป้าหมายด้านความปลอดภัยและใช้ประกอบการพิจารณาการประเมินผลการดำเนินงานของบุคลากรที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ธนาคารมีการประเมินความเสี่ยงด้านสุขภาพและความปลอดภัยเพื่อกำหนดมาตรการป้องกันผลกระทบที่เหมาะสม จัดทำแผนการดำเนินงานและเป้าหมายที่ชัดเจน ตลอดจนตรวจประเมินการดำเนินงานด้านความปลอดภัยโดยหน่วยงานภายในและภายนอกอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้มั่นใจได้ถึงการบริหารจัดการด้านสุขภาพและความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพ โดยจะมีการรายงานผลการดำเนินงานด้านสุขภาพและความปลอดภัยของพนักงานแก่ผู้บริหารระดับสูงอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในสถานการณ์แพร่ระบาดไวรัสโควิด-19

งานทุกประเภทจะมีการวิเคราะห์เกี่ยวกับอันตรายต่อสุขภาพและความปลอดภัย ซึ่งพบว่ามีงาน 3 ลักษณะที่มีความเสี่ยงในระดับสูง ได้แก่ Call Center ซึ่งต้องสัมผัสกับเสียง ห้องเก็บเอกสารและงานพิมพ์เอกสารซึ่งต้องสัมผัสกับไฮโดรคาร์บอนและสารประกอบอินทรีย์ระเหยง่าย (Volatile organic compounds) แม้ว่าธนาคารจะมีมาตรการที่เหมาะสมเพื่อควบคุมความเสี่ยงในพื้นที่ดังกล่าว แต่หากพบว่าพนักงานได้รับสารดังกล่าวเกินกว่าระดับมาตรฐานที่กฎหมายกำหนด พนักงานจะได้รับการรักษาและตรวจติดตามอาการจนกว่าจะหายเป็นปกติ ตลอดจนดำเนินการตรวจสอบสาเหตุของเหตุการณ์ดังกล่าวอีกด้วย

นโยบายความมั่นคงปลอดภัยทางกายภาพในสถานที่ทำงาน

การดูแลด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน

เพื่อส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน ธนาคารได้จัดสวัสดิการและกำหนดมาตรการดังต่อไปนี้:

การลา

  • ลากิจ จำนวน 10 วันทำงานต่อปี โดยได้รับเงินเดือนเต็ม เพื่อประกอบกิจธุระ เช่น การติดต่อกับหน่วยงานราชการ ดูแลการเจ็บป่วย หรือกรณีเสียชีวิตของสมาชิกในครอบครัว พนักงานแต่งงาน พนักงานรับปริญญา หรือกรณีอื่น ๆ ตามการอนุมัติของหัวหน้างาน
  • ลาพักร้อน จำนวนอย่างน้อย 10 วันต่อปี ไม่รวมวันหยุดราชการ (ขึ้นกับระยะเวลาการทำงาน)
  • ลาป่วยโดยได้รับค่าจ้าง ปีละไม่เกิน 30 วันทำงาน
  • สิทธิลาอุปสมบทครั้งเดียวตลอดอายุการทำงาน เป็นเวลาไม่เกิน 120 วัน
  • สิทธิลาเพื่อประกอบพิธีฮัจญ์ครั้งเดียวตลอดอายุการทำงาน เป็นเวลาไม่เกิน 45 วัน โดยได้รับค่าจ้าง

การสนับสนุนครอบครัวพนักงาน

  • สิทธิลาก่อนคลอดและหลังคลอดสำหรับพนักงานผู้มีครรภ์รวมกัน ครรภ์หนึ่งไม่เกิน 98 วัน
  • สิทธิลาเพื่อไปดูแลภรรยาที่คลอดบุตร ครั้งหนึ่งไม่เกิน 5 วันทำงาน โดยได้รับค่าจ้าง
  • สิทธิลาเพื่อดูแลครอบครัว 10 วันทำงานต่อปี
  • ห้องปั๊มนมที่มีอุปกรณ์สำหรับเก็บนมพร้อมความเป็นส่วนตัว
  • ทุนการศึกษาบุตรพนักงาน มูลค่าทุนสูงสุด 13,000 บาท ต่อปีการศึกษา สำหรับพนักงานที่มีอายุงานมากกว่า 1 ปี

สวัสดิการด้านสุขภาพ

  • สถานพยาบาล คลินิกเวชกรรม ให้การดูแลโดยแพทย์แผนปัจจุบันและพยาบาล คลินิกทันตกรรม และแพทย์ทางเลือก ณ สำนักงานใหญ่
  • ห้องฟิตเนส
  • การสื่อสารภายในเกี่ยวกับประเด็นด้านสุขภาพ เช่น การยศาสตร์ (Ergonomics) สุขภาพและโภชนาการ เป็นต้น
  • การตรวจสุขภาพเฉพาะบุคคล เช่น การตรวจสมรรถภาพการได้ยินสำหรับกลุ่มพนักงานคอลเซ็นเตอร์ การตรวจสอบสมรรถภาพปอดและการวิเคราะห์ปริมาณสารอินทรีย์ระเหยง่ายสำหรับกลุ่มพนักงานให้ห้องเก็บเอกสารและงานพิมพ์
  • การเผ้าระวังตัวชี้วัด เช่น อุณหภูมิภายในอาคาร ความชื้น แสงสว่าง เสียง ฝุ่นละอองขนาดเล็ก สารเคมี แบคทีเรียในอากาศและโรงอาหาร คุณภาพน้ำดื่ม สารประกอบไฮโดรคาร์บอนและสารอินทรีย์ระเหยง่ายในพื้นที่เสี่ยง ธนาคารมีการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานด้วยตัวชี้วัดเหล่านี้เป็นประจำเพื่อสภาวะแวดล้อมในการทำงานที่ปลอดภัยสำหรับพนักงานอย่างน้อยปีละครั้งโดยหน่วยงานภายนอก การประเมินนี้เป็นไปตามข้อ 15 แห่งกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับความร้อน แสงสว่าง และเสียง พ.ศ. 2559
  • จัด Safety Day และการรณรงค์ด้านความปลอดภัย
  • จัดให้มีการทำงานที่ยืดหยุ่น ทั้งชั่วโมงการทำงานและสถานที่ทำงาน
  • การทำงานแบบพาร์ทไทม์เพื่อสนับสนุนงานระยะสั้น

ความหลากหลายในที่ทำงาน

ธนาคารมีความมุ่งมั่นในการส่งเสริมความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการไม่แบ่งแยก เหนือสิ่งอื่นใดธนาคารไม่ยอมรับการเลือกปฏิบัติจากปัจจัยด้าน อายุ เพศ รสนิยมทางเพศ สมรรถภาพทางกาย เชื้อชาติ ชาติพันธุ์ ประเทศต้นกำเนิด สัญชาติ ภูมิหลังทางวัฒนธรรม ศาสนา ความเชื่อ วัฒนธรรมและภูมิหลังทางเศรษฐกิจและสังคม ทั้งนี้สืบเนื่องมาจากการที่ธนาคารให้คุณค่ากับความแตกต่างของแต่ละบุคคลซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการเติบโตอย่างยั่งยืน

นับตั้งแต่มีการประกาศคำแถลงการณ์เรื่องความหลากหลายและการมีส่วนร่วม ในปี 2562 โดยได้รับการอนุมัติจากประธานเจ้าหน้าที่บริหารและคณะกรรมการธนาคาร ธนาคารได้รายงานข้อมูลด้านความหลากหลายและความเท่าเทียมทางเพศ พร้อมทั้งปรับปรุงวัฒนธรรมองค์กรเพื่อส่งเสริมความมุ่งมั่นของธนาคารอยู่เสมอ

ความก้าวหน้า

  1. ความเสมอภาคทางเพศ (Gender Equality):
    หนึ่งในเป้าหมายหลักคือการรักษาสัดส่วนพนักงานหญิงไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ภายในปี 2567 ครอบคลุมสำหรับพนักงานทั้งหมด และพนักงานแบ่งตามระดับตำแหน่งผู้บริหารทุกระดับ พนักงานระดับปฏิบัติการ รวมถึงกลุ่มตำแหน่งในหน่วยงานที่สร้างรายได้ให้กับธนาคาร และกลุ่มพนักงานที่มีทักษะเกี่ยวกับ สะเต็ม (STEM: Science, Technology, Engineering, Mathematics) ธนาคารมีกรอบโครงสร้างค่าตอบแทนที่ยึดตามบทบาทและผลงาน โดยไม่คำนึงถึงเพศ พร้อมทั้งตรวจสอบความเท่าเทียมของสัดส่วนค่าตอบแทนอยู่เสมอ
  2. ความหลากหลายด้านสัญชาติ (Nationality Diversity):
    ธนาคารส่งเสริมการมีบุคลากรหลายเชื้อชาติ ในปี 2567 องค์ประกอบบุคลากรแบ่งตามสัญชาติ ดังนี้
      ทุกระดับงาน ระดับบริหาร
    ไทย 14,523 (99.95%) 1,318 (99.70%)
    จีน 1 (0.01%) 1 (0.08%)
    ฮังการี 1 (0.01%) 1 (0.08%)
    อื่น ๆ 4 (0.03%) 2 (0.14%)
  3. ศาสนา (Religion):
    ธนาคารเคารพความเชื่อทางศาสนาทุกศาสนาและจัดสิ่งอำนวยความสะดวกที่เหมาะสม โดยห้ามการเลือกปฏิบัติโดยเด็ดขาด
  4. อัตลักษณ์ทางเพศและรสนิยมทางเพศ (Gender Identity and Sexual Orientation):
    มีการติดตามสัดส่วนทางเพศ จัดอบรมสร้างความเข้าใจเรื่อง LGBTQIA+ และไม่ยอมรับการคุกคามทุกรูปแบบ
  5. ความหลากหลายด้านอายุ (Age Diversity):
    สนับสนุนความร่วมมือข้ามชวงวัย และช่วยพัฒนาทักษะใหม่ให้กับพนักงานที่ใกล้เกษียณ
  6. การมีส่วนร่วมของผู้พิการ (Disability Inclusion):
    ธนาคารจัดสิ่งอำนวยความสะดวกที่เข้าถึงได้ เปิดรับสมัครโดยไม่ตัดสินจากความพิการ และสนับสนุนกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ

นอกจากสิทธิในที่ทำงานแล้ว ธนาคารยังกำหนดให้พนักงานทุกคนต้องเข้ารับการอบรมหลักสูตรจรรยาบรรณพนักงาน (Code of Conduct) ผ่านทางออนไลน์ โดยมีการทบทวนปีละ 1 ครั้ง ซึ่งครอบคลุมเนื้อหาเกี่ยวกับความเท่าเทียมและการไม่เลือกปฏิบัติ และสิทธิส่วนบุคคล ซึ่งช่วยให้พนักงานสามารถประพฤติตนอย่างเหมาะสมกับลูกค้าและบุคคลอื่น ในปี 2567 ธนาคารไม่พบกรณีการไม่ปฏิบัติตามกฎหมายแรงงาน

คำแถลงการณ์เรื่องความหลากหลายและการมีส่วนร่วม

ธนาคารมีนโยบายและคณะกรรมการทรัพยากรบุคคลและค่าตอบแทน (Human Resources and Remuneration Committee) ซึ่งมีหน้าที่ทบทวนและเสนอแนะแนวทางเชิงกลยุทธ์ด้านการบริหารทรัพยากรบุคคล ได้แก่ การสรรหาพนักงาน ค่าตอบแทนและสวัสดิการ ข้อกำหนดทางกฎหมายด้านแรงงานและความสัมพันธ์แรงงาน ตลอดจนสิทธิมนุษยชน การบริหารทรัพยากรบุคคลถือเป็นส่วนสำคัญต่อความต่อเนื่องและการเติบโตของธนาคาร ดังนั้น ธนาคารจึงมุ่งมั่นที่จะสร้างให้ที่นี่เป็นสถานที่ทำงานที่พนักงานสามารถ “สร้างการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง (Make REAL Change)” ได้

คำมั่นสัญญาด้านแนวปฏิบัติแรงงาน

ทีทีบีมุ่งมั่นที่จะยึดถือสิทธิแรงงานขั้นพื้นฐาน และส่งเสริมสภาพการทำงานที่เป็นธรรม ปลอดภัย และเท่าเทียมทั่วทั้งการดำเนินงานและห่วงโซ่คุณค่า เราเชื่อว่าการเคารพสิทธิแรงงานไม่เพียงเป็นข้อบังคับทางกฎหมายเท่านั้น แต่ยังเป็นรากฐานที่สำคัญของการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนและความผาสุกของสังคม

เพื่อให้สอดคล้องกับพันธสัญญาดังกล่าว ธนาคารได้กำหนดให้แนวปฏิบัติด้านแรงงานสะท้อนทั้งมาตรฐานแรงงานสากลและข้อกำหนดตามกฎหมายของประเทศ อีกทั้งยังคาดหวังให้คู่สัญญาและพันธมิตรทางธุรกิจ รวมถึงลูกค้าธุรกิจของธนาคารปฏิบัติตามมาตรฐานเดียวกันในฐานะส่วนหนึ่งของระบบนิเวศทางธุรกิจที่มีความรับผิดชอบและมีจริยธรรม

  1. ค่าจ้างเพื่อการดำรงชีพ (Living Wage): ธนาคารมุ่งมั่นที่จะให้ค่าตอบแทนไม่น้อยกว่าค่าจ้างขั้นต่ำตามกฎหมาย และเพียงพอต่อการดำรงชีวิตที่มีคุณภาพ
  2. ชั่วโมงทำงานและการลาหยุด: ธนาคารยึดมั่นในการหลีกเลี่ยงหรือจำกัดการทำงานล่วงเวลาเกินควร โดยกำหนดชั่วโมงทำงานสูงสุดที่ชัดเจนและเป็นธรรมตามกฎหมายแรงงานไทย รวมทั้งรับรองสิทธิการลาพักร้อนประจำปีเพื่อสุขภาพกายและใจของพนักงาน
  3. การจ้างงานที่เป็นธรรม ค่าตอบแทนที่เป็นธรรมและการปฏิบัติที่เท่าเทียม: ธนาคารส่งเสริมความเท่าเทียมและไม่เลือกปฏิบัติ โดยมุ่งมั่นที่จะให้โอกาสที่เท่าเทียม ค่าตอบแทนที่เป็นธรรม และการเติบโตในสายอาชีพแก่พนักงานทุกคน โดยไม่คำนึงถึงเพศ อายุ ความพิการ หรือภูมิหลังที่หลากหลาย หลักการ “ค่าตอบแทนเท่ากันสำหรับงานที่เท่ากัน” ระหว่างชายและหญิงถือเป็นหลักสำคัญของแนวปฏิบัติแรงงาน โดยธนาคารมีมาตรการในการเฝ้าติดตามความก้าวหน้าในการลดช่องว่างค่าตอบแทนระหว่างเพศอย่างสม่ำเสมอ
  4. การดูแลในช่วงการเปลี่ยนผ่านของแรงงาน: ในกรณีที่มีการปรับโครงสร้างหรือการเลิกจ้าง ธนาคารให้คำมั่นว่าจะมีการแจ้งล่วงหน้าและปรึกษาหารือกับพนักงานอย่างเหมาะสมและโปร่งใส เพื่อลดผลกระทบด้านลบ
  5. การจ้างงานในท้องถิ่น: ธนาคารมุ่งสรรหาและพัฒนาบุคลากรจากชุมชนที่ดำเนินงานอยู่ เพื่อสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจในภูมิภาค สร้างความผูกพันกับชุมชน และเสริมสร้างความเข้าใจทางวัฒนธรรม

โครงการที่ธนาคารดำเนินการเพื่อให้คำมั่นเหล่านี้เกิดขึ้นจริง ได้แก่:

  • จ่ายค่าจ้างไม่น้อยกว่าค่าครองชีพหรือมาตรฐานในพื้นที่ เพื่อความมั่นคงทางการเงินของพนักงาน
  • ติดตามชั่วโมงการทำงานและการทำงานล่วงเวลาเพื่อป้องกันการทำงานหนักเกินไป
  • จ่ายค่าล่วงเวลาตามกฎหมายไทยและนโยบายของธนาคาร
  • มีการหารือกับตัวแทนแรงงานเพื่อสื่อสารสองทางและพัฒนาสภาพการทำงานอย่างต่อเนื่อง
  • ตรวจสอบช่องว่างค่าตอบแทนระหว่างเพศและเปิดเผยในรายงานความยั่งยืนประจำปี
  • ขยายความคุ้มครองทางสังคมเกินกว่าที่ภาครัฐกำหนด เช่น การประกันสุขภาพกลุ่ม
  • กำหนดให้พนักงานใช้สิทธิลาพักร้อนผ่านระบบบังคับพักต่อเนื่องประจำปี (block leave) เพื่อสมดุลชีวิตและการทำงาน
  • จัดฝึกอบรมและการพัฒนาทักษะใหม่เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง เช่น ด้านดิจิทัล การเงินเพื่อการเปลี่ยนผ่าน และการจัดการความเสี่ยงด้านสภาพภูมิอากาศ
  • สนับสนุนการจ้างงานเยาวชนผ่านโครงการฝึกงานที่ให้ประสบการณ์จริง

ท้ายที่สุด ธนาคารมีความมุ่งมั่นที่จะสร้างสถานที่ทำงานที่ยึดหลัก “ความเป็นธรรม ศักดิ์ศรี และความเคารพ” ให้กับทุกคน

การพัฒนาศักยภาพของพนักงาน (Human Capital Development)

ธนาคารกำหนดกลยุทธ์การฝึกอบรมที่เน้นการเสริมสร้างภาวะความเป็นผู้นำให้แก่พนักงานทุกคน อันจะส่งผลให้พนักงานมีความพร้อมที่จะผลักดันให้ธนาคารบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจ โดยที่การฝึกอบรมในแต่ละหลักสูตรจะมีเนื้อหาสาระที่เหมาะสมกับทักษะของพนักงานในแต่ละกลุ่มและสอดคล้องกับบริบทของงานและบทบาทของพนักงานในอนาคต ธนาคารวัดมูลค่าของพนักงานในองค์กร ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา (2564-2667) โดยมีผลการดำเนินงาน ดังนี้ 2.8, 3.2, 3.4 และ 3.6 ตามลำดับ ในปี 2568 พนักงานทั้งหมดได้ผ่านการอบรมรวมทั้งสิ้น 566,631 ชั่วโมง เทียบเท่า 39 ชั่วโมงการอบรมต่อคนต่อปี

เส้นทางและกลยุทธ์ด้านทรัพยากรบุคคล (HR Roadmap and Strategy)

ธนาคารมุ่งสร้างความแตกต่างให้เกิดขึ้นในภาคธนาคารพาณิชย์ของประเทศ และเชื่อว่าการเสริมสร้างพนักงานให้มีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะท้าทายและปรับปรุงแก้ไขสิ่งที่เป็นอยู่ จะส่งผลให้ธนาคารสามารถส่งมอบคุณค่าที่ดีที่สุดให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม

  • พนักงานของธนาคารมีเส้นทางการเติบโตสายอาชีพที่ชัดเจน ธนาคารกำหนดแผนงานสายอาชีพและแผนพัฒนาบุคคลากรที่ชัดเจนและสอดคล้องกับศักยภาพของพนักงานแต่ละคนและสมรรถนะ (Competency) ที่จำเป็น
  • การพัฒนาสู่ความเป็นเลิศ (Best Development) ธนาคารส่งเสริมแห่งการเรียนรู้พร้อมแผนการพัฒนาที่มีโครงสร้างที่ชัดเจน
  • การยกย่องผลงาน (Performance Recognition) ธนาคารมีหลักเกณฑ์การจ่ายผลตอบแทนและการยกย่องชมเชยพนักงานตามผลงาน
  • วัฒนธรรม (Make REAL Change) ธนาคารสนับสนุนให้พนักงานคิดและทำในสิ่งที่แตกต่างอย่างสร้างสรรค์

โครงการพัฒนาและฝึกอบรมพนักงาน

ธนาคารออกแบบโครงการพัฒนาศักยภาพของพนักงานเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการทางธุรกิจและทำให้มีประสิทธิภาพ

  1. รูปแบบการประเมินผลการฝึกอบรม Kirk-Patrick กำหนดผลลัพธ์ทางธุรกิจและพฤติกรรมที่คาดหวังที่ชัดเจนก่อนการพัฒนาโครงการฝึกอบรม
  2. การมีส่วนร่วมของผู้บริหาร ช่วยให้มั่นใจว่าผู้บริหารระดับสูงและผู้บังคับบัญชาทุกระดับมีส่วนร่วมมากขึ้นในการวางแผนโครงการพัฒนาพนักงานกับสายงานทรัพยากรบุคคล เพื่อให้เกิดความรับผิดชอบร่วมกันในการพัฒนาพนักงานในสายงาน
  3. แนวทางการเรียนรู้แบบผสมผสาน ได้แก่ ห้องเรียน (Classroom Training) ห้องเรียนเสมือนจริง (Virtual Classroom) และการแบ่งปันความรู้ร่วมกัน ซึ่งจะส่งผลให้พนักงานสามารถเรียนรู้ได้จากทุกที่ ทุกเวลา
  4. รูปแบบการเรียนรู้ที่สั้นกระชับ บทเรียนสั้นๆ ช่วยให้พนักงานสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง เพิ่มการเข้าถึงและการมีส่วนร่วม
  5. กรอบการพัฒนาพนักงานที่ผสานแผนงานต่างๆ เข้าด้วยกัน กำหนดวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนแทนการมีแผนงานกระจัดกระจายหลายด้าน

โดยโครงการพัฒนาศักยภาพของพนักงานสามารถแบ่งได้เป็นกลุ่มหลักๆ ดังนี้

แผนการพัฒนาความสามารถหลักและทั่วไป

พนักงานพัฒนาทักษะหลักที่จำเป็นต่อความสำเร็จในสายอาชีพผ่านการฝึกอบรมอย่างเป็นระบบ โดยมีแผนการพัฒนาความสามารถหลักที่มุ่งเน้นทักษะพื้นฐาน และแผนการเสริมสร้างความเชี่ยวชาญในงานของ ttb Academy ซึ่งดำเนินการฝึกอบรมใน 4 สาขา ได้แก่ การขายและการบริหารความสัมพันธ์ เทคโนโลยีสารสนเทศและข้อมูล การบริหารจัดการความเสี่ยง และการพัฒนาผลิตภัณฑ์

แผนการพัฒนาภาวะผู้นำ

โครงการพัฒนาภาวะผู้นำช่วยเตรียมความพร้อมพนักงานสู่บทบาทในการบริหารจัดการ โดยเน้นพัฒนาทักษะด้านการบริหารบุคคลและทักษะในการตัดสินใจให้กับผู้จัดการใหม่ พัฒนาศักยภาพการเป็นผู้นำให้กับผู้บริหารระดับกลาง และพัฒนาการคิดเชิงกลยุทธ์และการสร้างทักษะความเฉียบแหลมทางธุรกิจให้กับผู้บริหารระดับอาวุโส ในขณะที่พนักงานที่มีศักยภาพสูงจะได้รับโอกาสในการพัฒนาสายอาชีพอย่างรวดเร็ว (fast track) เพื่อเตรียมพร้อมสู่ตำแหน่งผู้นำต่อไป

ttb awards

ธนาคารเล็งเห็นคุณค่าของนวัตกรรมและความมุ่งมั่นของพนักงานในการสร้างการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงเพื่อลูกค้าและธนาคาร ทีทีบี จึงได้จัดให้มีการมอบรางวัล ttb Awards เป็นประจำทุกปี โดยมีการจัดการแข่งขันภายในองค์กรเพื่อให้พนักงานส่งผลงานความคิดริเริ่ม ผลิตภัณฑ์ หรือโครงการที่ส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีทางการเงินให้กับลูกค้า และ/หรือช่วยพัฒนาผลการดำเนินงานของธนาคาร พนักงานจะแข่งขันกันใน 5 ด้าน ได้แก่ การสร้างรายได้ Ecosystem Play การบริหารความเสี่ยงด้วยข้อมูล การทำให้เป็นดิจิทัล และพนักงานและวัฒนธรรมองค์กร โดยรางวัลใหญ่ ได้แก่ รางวัล “Make REAL Change” สำหรับผลงานที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงมากและสร้างผลกระทบสูง กิจกรรมนี้ยังต้องการให้ผู้เข้าร่วมทำงานร่วมกันเป็นทีมข้ามสายงานธุรกิจ เพื่อขยายเครือข่ายภายในธนาคาร

การเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ครุฑ

ธนาคารภูมิใจนำเสนอพิพิธภัณฑ์ครุฑ ณ บางปู ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้เยี่ยมชมได้เรียนรู้วัฒนธรรมไทยผ่านประวัติศาสตร์อันลึกซึ้งของครุฑ ในฐานะส่วนหนึ่งของการส่งเสริมวัฒนธรรม ธนาคารได้สนับสนุนให้พนักงานเข้าชมพิพิธภัณฑ์อย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจและความซาบซึ้งในสัญลักษณ์ประจำชาติ

โครงการเตรียมความพร้อมสำหรับพนักงานที่เกษียณและพ้นสภาพ

ttb ตระหนักถึงความสำคัญของการเปลี่ยนผ่านอย่างราบรื่นสำหรับพนักงานที่กำลังออกจากองค์กร จึงได้พัฒนาโครงการเตรียมความพร้อมอย่างครอบคลุมสำหรับพนักงานที่เกษียณและพ้นสภาพ ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของเราในการส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต ความมั่นคงทางการเงิน และการมีส่วนร่วมกับสังคมอย่างต่อเนื่อง

องค์ประกอบหลักของโครงการ ได้แก่:

  • หลักสูตรโค้ชปลดหนี้และการอบรมความรู้ทางการเงิน: พนักงานที่เกษียณจะได้รับการอบรมเฉพาะทางเกี่ยวกับการบริหารจัดการการเงินส่วนบุคคล การปรับโครงสร้างหนี้ และการวางแผนงบประมาณ เพื่อให้สามารถรักษาเสถียรภาพทางการเงินหลังออกจากงาน และสามารถถ่ายทอดความรู้ให้แก่ผู้อื่นในชุมชนในฐานะโค้ชปลดหนี้
  • เวิร์กช็อปพัฒนาทักษะ: ผู้เข้าร่วมจะได้รับการฝึกอบรมในด้านต่าง ๆ เช่น การเป็นผู้ประกอบการ ทักษะดิจิทัล การขาย และการสื่อสาร เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการประกอบอาชีพหรือบทบาทใหม่หลังจากออกจากธนาคาร

แนวทางแบบองค์รวมนี้ช่วยให้พนักงานมีความมั่นใจและศักยภาพในการเริ่มต้นบทใหม่ของชีวิต

การบริหารความเสี่ยงด้านปฏิบัติการและความตระหนักในด้านความปลอดภัย

ธนาคารให้ความสำคัญด้านการบริหารความเสี่ยงและการสร้างความตระหนักด้านความปลอดภัย โดยตระหนักถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อลูกค้าและชื่อเสียงขององค์กร ธนาคารจึงได้จัดโปรแกรมฝึกอบรมด้านการบริหารความเสี่ยงและความปลอดภัยหลายหลักสูตร เช่น การบริหารความเสี่ยงด้านปฏิบัติการองค์กร (Corporate Operational Risk Management) การป้องกันการฟอกเงิน (Anti-Money Laundering) การส่งเสริมความตระหนักด้านความเสี่ยง (Promoting risk Awareness) ภัยคุกคามทางไซเบอร์ (Cyber Threats) แก่พนักงานผ่านช่องทางออนไลน์ที่พนักงานทั่วประเทศสามารถเข้าถึงได้

นอกจากการพัฒนาทักษะเพื่อการเติบโตในสายอาชีพแล้ว จากความมุ่งมั่นของธนาคารที่จะส่งมอบคุณภาพชีวิตทางการเงินที่ดีให้กับคนไทย พนักงานของธนาคารคือแรงขับเคลื่อนสำคัญที่จะส่งมอบความตั้งใจนี้ให้ถึงมือลูกค้าได้ ดังนั้นการส่งเสริมให้พนักงานมีความรู้ความสามารถที่แข็งแกร่งขึ้นจึงเป็นภารกิจสำคัญ

การรักษาพนักงานและการพัฒนาผู้สืบทอดตำแหน่ง

ธนาคารตระหนักดีว่าความผูกพันของพนักงานที่มีต่อองค์กร เป็นปัจจัยสำคัญต่อการเติบโตและการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน ด้วยเหตุนี้ ธนาคารจึงได้ดำเนินการสำรวจความผูกพันของพนักงานที่มีต่อองค์กรเป็นประจำทุกปี (VOE: Voice of Employee หรือ Employee Engagement Survey) ในปี 2567 ธนาคารได้ดำเนินการสำรวจความผูกพันของพนักงานแบบสั้น (VOE-Pulse Survey) เพื่อรวบรวมข้อคิดเห็นและใช้ข้อมูลดังกล่าวในการปรับปรุงแผนงานเพื่อตอบสนองต่อความต้องการและข้อกังวลของพนักงาน ทั้งนี้ ในการสำรวจความผูกพันของพนักงานแบบสั้นดังกล่าวมีพนักงานเข้าร่วมคิดเป็น 97% โดยมีคะแนนความพึงพอใจเฉลี่ยอยู่ที่ 65% จากเป้าหมายร้อยละ 64% โดยคะแนนความพึงพอใจใน 5 ด้านหลักที่ได้รับการระบุว่าต้องได้รับการปรับปรุงมีคะแนนเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 10% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยผลการสำรวจจะถูกนำไปพัฒนา ปรับปรุง เพื่อให้ธนาคารเป็นองค์กรที่น่าทำงานมากยิ่งขึ้น รวมถึงนำไปทำแผนพัฒนาเพื่อยกระดับความผูกพันและความพึงพอใจของพนักงานต่อไป

พนักงานที่ถือว่ามีความผูกพันกับองค์กร จะต้องมีพฤติกรรมทั้ง 3 ด้าน ดังนี้

  • พูดสิ่งดี ๆ เกี่ยวกับองค์กรเมื่อมีโอกาส (Say)
  • ต้องการทำงานอยู่กับองค์กร (Stay)
  • ทุ่มเททำงานให้งานและองค์กรประสบความสำเร็จ (Strive)

ซึ่งสืบเนื่องมาจากการสร้างประสบการณ์ที่ดี (The Employee Experience) ให้กับพนักงานผ่านตัวขับเคลื่อนความผูกพัน (Engagement drivers) คือ

  • ความเป็นผู้นำที่สร้างความผูกพัน (Engaging Leadership)
  • การให้ความสำคัญกับพนักงาน เช่น แผนการพัฒนาอาชีพ จำนวนพนักงาน การประเมินผลงาน (Talent Focus)
  • ความคล่องตัว เช่น การร่วมมือ ความหลากหลาย การใช้หลักลูกค้าเป็นศุนย์กลาง (Agility)
  • ปัจจัยพื้นฐาน เช่น สุขภาพกาย สุขภาพใจ ความเครียดจากการทำงาน (The Basics)
  • งาน เช่น ความพึงพอใจในตัวงาน ความสุขในการทำงาน งานที่ตอบโจทย์เป้าหมายชีวิต (The Work)

ธนาคารได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของพนักงานที่มีศักยภาพ จึงมีการจัดทำเครื่องมือเสริมสร้างแรงจูงใจในการทำงานระยะยาว ช่วยให้พนักงานมุ่งมั่นทำงานด้วยความรู้สึกของการมีส่วนร่วมในการเป็นเจ้าของกิจการ (Long-term incentives) ผ่านการจัดทำโครงการร่วมทุนระหว่างนายจ้างและลูกจ้างหรือ Employee Joint Investment Program (EJIP) ที่ธนาคารช่วยสมทบการลงทุนของพนักงานในการซื้อหุ้นของธนาคารในตลาดหลักทรัพย์เป็นระยะเวลา 3 ปี โดยเงินลงทุนทั้งสองส่วนอยู่ภายใต้ชื่อบัญชีที่เป็นกรรมสิทธิ์ของพนักงาน พนักงานได้รับเงินปันผลและสิทธิในการออกเสียงตามปกติ

ธนาคารได้วางแผนการสืบทอดตำแหน่งงานบริหารระดับสูงที่จะว่างลงเนื่องจากการคาดการณ์การเกษียณอายุ ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนผ่านที่ราบรื่นสำหรับผู้สืบทอดตำแหน่งและเกิดความต่อเนื่องทางธุรกิจ ธนาคารได้ระบุตำแหน่งที่มีความสำคัญและกำหนดโปรไฟล์ของผู้สืบทอดตำแหน่ง โดยผู้ที่มีศักยภาพที่ได้รับการคัดกรองจะได้รับการประเมินความพร้อมด้วยหลักเกณฑ์ที่สำคัญต่างๆ ก่อนจะได้เข้าร่วมในโปรแกรมการพัฒนาผู้สืบทอดตำแหน่งเพื่อพัฒนาทักษะที่จำเป็น

พนักงานสัมพันธ์

ธนาคารเคารพสิทธิแรงงานของพนักงานผู้ที่มีความสำคัญต่อการขับเคลื่อนองค์กร เพื่อให้มั่นใจว่าพนักงานทุกคนจะได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นธรรมและได้รับการคุ้มครองสิทธิประโยชน์อันควร คณะกรรมการสวัสดิการ (Welfare Committee) ซึ่งประกอบด้วยตัวแทนจากพนักงานทั้งหมด มีการประชุมร่วมกับสายงานทรัพยากรบุคคลในฐานะตัวแทนองค์กรทุก 6 เดือน เพื่อหารือเกี่ยวกับสิทธิของพนักงาน ผลประโยชน์และข้อกังวลต่างๆ โดยจะสรุปประเด็นสำคัญรายงานต่อคณะกรรมการจัดการเพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป โดยมี 4 สหภาพแรงงาน ได้แก่ สหภาพแรงงานธนาคารทหารไทย สหภาพแรงงานพนักงานธนาคารทหารไทย สหภาพแรงงานกิจการธนาคารทหารไทย และสหภาพแรงงานธนาคารทีเอ็มบี ธนชาต โดยมีพนักงานเข้าร่วมสหภาพแรงงานคิดเป็นร้อยละ 20 ของพนักงาน

ธนาคารและพนักงานได้ร่วมกันจัดตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพพนักงานธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) ซึ่งจดทะเบียนแล้ว ควบคุมกำกับดูแลการบริหารจัดการโดยคณะกรรมการกองทุน ฯ ประกอบด้วย กรรมการฝ่ายนายจ้างซึ่งมาจากการแต่งตั้ง และกรรมการฝ่ายลูกจ้างซึ่งมาจากการเลือกตั้งโดยสมาชิกกองทุนเพื่อส่งเสริมให้พนักงานสะสมเงินออมตามอัตราส่วนที่ต้องการส่วนหนึ่ง และธนาคารส่งสมทบตามอัตราส่วนตามอายุงานของพนักงานส่วนหนึ่ง และมีรูปแบบการจัดการกองทุนแบบ Employee’s Choice โดยพนักงานสามารถเลือกจ่ายเงินสะสมเข้ากองทุนได้ในอัตราร้อยละ 2-15 ของเงินเดือนของพนักงานแต่ละราย และธนาคารสมทบเงินร้อยละ 5-10 ของเงินเดือนของพนักงานเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เพื่อเป็นความมั่นคงหลังเกษียณอายุการทำงานของพนักงาน ทั้งนี้ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 ธนาคารมีพนักงานจำนวน 14,529 คน โดยมีพนักงาน 13,867 คนหรือคิดเป็น 95% ของพนักงานทั้งหมดเข้าร่วมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ

การติดตามและประเมินผลการทำงาน

เพื่อให้เกิดการเติบโตอย่างต่อเนื่อง พนักงานจึงได้รับการประเมินอย่างเป็นระบบผ่านการประเมินผลการทำงาน การประเมินสมรรถนะ และการทำ talent review อย่างสม่ำเสมอ โดยยังมีการวางแผนการสืบทอดตำแหน่งที่ระบุพนักงานที่มีศักยภาพสูงสำหรับสืบทอดตำแหน่งผู้นำต่อไป ในขณะเดียวกัน ก็มีแผนการปรับปรุงผลการทำงานอย่างเป็นระบบเพื่อช่วยส่งเสริมพนักงานที่ต้องการการพัฒนาเพิ่มเติม ทั้งนี้ ในปี 2567 100% ของพนักงานได้รับการประเมินผลการทำงานและปรึกษาแผนการทำงานกับหัวหน้างาน ซึ่งช่วยให้เกิดความสอดคล้องระหว่างเป้าหมายทางธุรกิจและความก้าวหน้าในสายอาชีพในส่วนบุคคล

การประเมินผลการปฏิบัติงานของพนักงาน

ธนาคารได้จัดทำกระบวนการภายในเพื่อประเมินผลการทำงานของพนักงาน เรียกว่า Employee Evaluation Appraisal โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อส่งเสริมการทำงานเป็นทีม สร้างวัฒนธรรม ttb รักษาการปฏิบัติตามจรรยาบรรณ (Code of Conduct) ส่งเสริมการสื่อสารแบบคล่องตัว และยกระดับคุณภาพชีวิตของพนักงาน

กระบวนการประเมินผลการทำงานประกอบด้วย 4 ขั้นตอน ได้แก่:

  1. กำหนดเกณฑ์การประเมิน (Define Criteria)
  2. การตรวจสอบระหว่างปี (Mid-Year Review)
  3. การสรุปเกณฑ์ (Finalize Criteria)
  4. การประเมิน (Evaluation)

นอกจากนี้ ธนาคารยังใช้ทั้งการประเมินรายบุคคลและทีม โดยให้ความสำคัญกับการให้ข้อเสนอแนะอย่างต่อเนื่องผ่านการประเมินแบบ 360 องศา เพื่อให้เกิดการสื่อสารระหว่างพนักงานและหัวหน้างานอย่างสม่ำเสมอ

สุขภาพและความปลอดภัยในสถานที่ปฏิบัติงาน

ธนาคารกำหนดนโยบายด้านความปลอดภัยในสถานที่ปฏิบัติงานและความปลอดภัยทางกายภาพ (Workplace Safety and Physical Security Policy) ซึ่งระบุแนวทางบริหารจัดการด้านอาชีวอนามัย ความปลอดภัยของสภาพแวดล้อมในสถานที่ปฏิบัติงานและความปลอดภัยทางกายภาพภายในธนาคาร โดยได้รับการอนุมัติโดยคณะกรรมการกำกับความเสี่ยง นโยบายดังกล่าวมีขอบเขตครอบคลุมทั้งพนักงาน ผู้ให้บริการ ผู้มาติดต่อและลูกค้าในทุกสถานที่ตั้งของธนาคาร

เพื่อให้การดูแลความปลอดภัยในสถานที่ปฏิบัติงามเป็นไปอย่างมีระบบ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารมีมติเห็นชอบให้จัดตั้งคณะกรรมการความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน โดยคณะกรรมการดังกล่าวประกอบด้วยตัวแทนจากนายจ้างและลูกจ้าง มีเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยเป็นเลขานุการของคณะ โดยคณะกรรมการฯ มีการจัดประชุมเป็นประจำทุกเดือนเพื่อปรึกษาหารือเกี่ยวกับประเด็นด้านความปลอดภัยที่ได้รับการรายงานจากพนักงาน ปรับปรุงการดำเนินงาน และติดตามผลการดำเนินงาน เช่น การลดหรือป้องกันความเสี่ยงด้านสุขภาพเทียบกับเป้าหมาย คณะกรรมการจะพิจารณานโยบายและแผนงานด้านความปลอดภัยในการทำงาน รวมทั้งความปลอดภัยนอกงานเพื่อป้องกันและลดบัติเหตุ การประสบอันตราย การเจ็บป่วย หรือการเกิดเหตุเดือดร้อนรำคาญอันเนื่องจากการทำงาน หรือความปลอดภัยในการทำงานเสนอต่อนายจ้าง หน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการและดำเนินงานด้านความปลอดภัยประกอบด้วย แผนกทรัพยากรอาคารและบริการส่วนกลาง แผนกบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ และแผนกอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ทรัพยากรบุคคล ผู้จัดการสาขาและสำนักงานขาย

ธนาคารมีการตั้งเป้าหมายอุบัติเหตุเป็นศูนย์และจำนวนวันบาดเจ็บจากการทำงานจนถึงขั้นหยุดงานเป็นศูนย์ ธนาคารดำเนินการตรวจสอบด้านสุขภาพและความปลอดภัยในสถานที่ปฏิบัติงานอย่างสม่ำเสมอ ตั้งแต่การออกแบบสถานที่ การดูแล สภาพแวดล้อมและการจัดหาอุปกรณ์สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ในการปฏิบัติงานเพื่อให้มั่นใจว่าธนาคารมีสภาพแวดล้อมในการปฏิบัติงานที่สอดคล้องกับมาตรฐานสากลรวมทั้งกฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ ธนาคารยังใช้มาตรการเชิงรุกเพื่อป้องกันการบาดเจ็บและการเจ็บป่วยที่เกิดจากการปฏิบัติงานโดยจัดอบรมด้านสุขภาพและความปลอดภัย เช่น การปฐมพยาบาล และการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน รวมถึงการดับเพลิงและหนีไฟ ให้แก่พนักงานทุกคน

การบริหารจัดการด้านสุขภาพและความปลอดภัยอยู่ภายใต้การดูแลระหว่างแผนกความปลอดภัยและแผนกบริหารทรัพยากรบุคคลและพนักงานสัมพันธ์ ทั้งสองหน่วยงานร่วมกันส่งเสริมด้านสุขภาพ ความปลอดภัยและความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน อีกทั้งมีการกำหนดเป้าหมายด้านความปลอดภัยและใช้ประกอบการพิจารณาการประเมินผลการดำเนินงานของบุคลากรที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ธนาคารมีการประเมินความเสี่ยงด้านสุขภาพและความปลอดภัยเพื่อกำหนดมาตรการป้องกันผลกระทบที่เหมาะสม จัดทำแผนการดำเนินงานและเป้าหมายที่ชัดเจน ตลอดจนตรวจประเมินการดำเนินงานด้านความปลอดภัยโดยหน่วยงานภายในและภายนอกอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้มั่นใจได้ถึงการบริหารจัดการด้านสุขภาพและความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพ โดยจะมีการรายงานผลการดำเนินงานด้านสุขภาพและความปลอดภัยของพนักงานแก่ผู้บริหารระดับสูงอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในสถานการณ์แพร่ระบาดไวรัสโควิด-19

งานทุกประเภทจะมีการวิเคราะห์เกี่ยวกับอันตรายต่อสุขภาพและความปลอดภัย ซึ่งพบว่ามีงาน 3 ลักษณะที่มีความเสี่ยงในระดับสูง ได้แก่ Call Center ซึ่งต้องสัมผัสกับเสียง ห้องเก็บเอกสารและงานพิมพ์เอกสารซึ่งต้องสัมผัสกับไฮโดรคาร์บอนและสารประกอบอินทรีย์ระเหยง่าย (Volatile organic compounds) แม้ว่าธนาคารจะมีมาตรการที่เหมาะสมเพื่อควบคุมความเสี่ยงในพื้นที่ดังกล่าว แต่หากพบว่าพนักงานได้รับสารดังกล่าวเกินกว่าระดับมาตรฐานที่กฎหมายกำหนด พนักงานจะได้รับการรักษาและตรวจติดตามอาการจนกว่าจะหายเป็นปกติ ตลอดจนดำเนินการตรวจสอบสาเหตุของเหตุการณ์ดังกล่าวอีกด้วย

นโยบายความมั่นคงปลอดภัยทางกายภาพในสถานที่ทำงาน

การดูแลด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน

เพื่อส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน ธนาคารได้จัดสวัสดิการและกำหนดมาตรการดังต่อไปนี้:

การลา

  • ลากิจ จำนวน 10 วันทำงานต่อปี โดยได้รับเงินเดือนเต็ม เพื่อประกอบกิจธุระ เช่น การติดต่อกับหน่วยงานราชการ ดูแลการเจ็บป่วย หรือกรณีเสียชีวิตของสมาชิกในครอบครัว พนักงานแต่งงาน พนักงานรับปริญญา หรือกรณีอื่น ๆ ตามการอนุมัติของหัวหน้างาน
  • ลาพักร้อน จำนวนอย่างน้อย 10 วันต่อปี ไม่รวมวันหยุดราชการ (ขึ้นกับระยะเวลาการทำงาน)
  • ลาป่วยโดยได้รับค่าจ้าง ปีละไม่เกิน 30 วันทำงาน
  • สิทธิลาอุปสมบทครั้งเดียวตลอดอายุการทำงาน เป็นเวลาไม่เกิน 120 วัน
  • สิทธิลาเพื่อประกอบพิธีฮัจญ์ครั้งเดียวตลอดอายุการทำงาน เป็นเวลาไม่เกิน 45 วัน โดยได้รับค่าจ้าง

การสนับสนุนครอบครัวพนักงาน

  • สิทธิลาก่อนคลอดและหลังคลอดสำหรับพนักงานผู้มีครรภ์รวมกัน ครรภ์หนึ่งไม่เกิน 98 วัน
  • สิทธิลาเพื่อไปดูแลภรรยาที่คลอดบุตร ครั้งหนึ่งไม่เกิน 5 วันทำงาน โดยได้รับค่าจ้าง
  • สิทธิลาเพื่อดูแลครอบครัว 10 วันทำงานต่อปี
  • ห้องปั๊มนมที่มีอุปกรณ์สำหรับเก็บนมพร้อมความเป็นส่วนตัว
  • ทุนการศึกษาบุตรพนักงาน มูลค่าทุนสูงสุด 13,000 บาท ต่อปีการศึกษา สำหรับพนักงานที่มีอายุงานมากกว่า 1 ปี

สวัสดิการด้านสุขภาพ

  • สถานพยาบาล คลินิกเวชกรรม ให้การดูแลโดยแพทย์แผนปัจจุบันและพยาบาล คลินิกทันตกรรม และแพทย์ทางเลือก ณ สำนักงานใหญ่
  • ห้องฟิตเนส
  • การสื่อสารภายในเกี่ยวกับประเด็นด้านสุขภาพ เช่น การยศาสตร์ (Ergonomics) สุขภาพและโภชนาการ เป็นต้น
  • การตรวจสุขภาพเฉพาะบุคคล เช่น การตรวจสมรรถภาพการได้ยินสำหรับกลุ่มพนักงานคอลเซ็นเตอร์ การตรวจสอบสมรรถภาพปอดและการวิเคราะห์ปริมาณสารอินทรีย์ระเหยง่ายสำหรับกลุ่มพนักงานให้ห้องเก็บเอกสารและงานพิมพ์
  • การเผ้าระวังตัวชี้วัด เช่น อุณหภูมิภายในอาคาร ความชื้น แสงสว่าง เสียง ฝุ่นละอองขนาดเล็ก สารเคมี แบคทีเรียในอากาศและโรงอาหาร คุณภาพน้ำดื่ม สารประกอบไฮโดรคาร์บอนและสารอินทรีย์ระเหยง่ายในพื้นที่เสี่ยง ธนาคารมีการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานด้วยตัวชี้วัดเหล่านี้เป็นประจำเพื่อสภาวะแวดล้อมในการทำงานที่ปลอดภัยสำหรับพนักงานอย่างน้อยปีละครั้งโดยหน่วยงานภายนอก การประเมินนี้เป็นไปตามข้อ 15 แห่งกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับความร้อน แสงสว่าง และเสียง พ.ศ. 2559
  • จัด Safety Day และการรณรงค์ด้านความปลอดภัย
  • จัดให้มีการทำงานที่ยืดหยุ่น ทั้งชั่วโมงการทำงานและสถานที่ทำงาน
  • การทำงานแบบพาร์ทไทม์เพื่อสนับสนุนงานระยะสั้น

ความหลากหลายในที่ทำงาน

ธนาคารมีความมุ่งมั่นในการส่งเสริมความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการไม่แบ่งแยก เหนือสิ่งอื่นใดธนาคารไม่ยอมรับการเลือกปฏิบัติจากปัจจัยด้าน อายุ เพศ รสนิยมทางเพศ สมรรถภาพทางกาย เชื้อชาติ ชาติพันธุ์ ประเทศต้นกำเนิด สัญชาติ ภูมิหลังทางวัฒนธรรม ศาสนา ความเชื่อ วัฒนธรรมและภูมิหลังทางเศรษฐกิจและสังคม ทั้งนี้สืบเนื่องมาจากการที่ธนาคารให้คุณค่ากับความแตกต่างของแต่ละบุคคลซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการเติบโตอย่างยั่งยืน

นับตั้งแต่มีการประกาศคำแถลงการณ์เรื่องความหลากหลายและการมีส่วนร่วม ในปี 2562 โดยได้รับการอนุมัติจากประธานเจ้าหน้าที่บริหารและคณะกรรมการธนาคาร ธนาคารได้รายงานข้อมูลด้านความหลากหลายและความเท่าเทียมทางเพศ พร้อมทั้งปรับปรุงวัฒนธรรมองค์กรเพื่อส่งเสริมความมุ่งมั่นของธนาคารอยู่เสมอ

ความก้าวหน้า

  1. ความเสมอภาคทางเพศ (Gender Equality):
    หนึ่งในเป้าหมายหลักคือการรักษาสัดส่วนพนักงานหญิงไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ภายในปี 2567 ครอบคลุมสำหรับพนักงานทั้งหมด และพนักงานแบ่งตามระดับตำแหน่งผู้บริหารทุกระดับ พนักงานระดับปฏิบัติการ รวมถึงกลุ่มตำแหน่งในหน่วยงานที่สร้างรายได้ให้กับธนาคาร และกลุ่มพนักงานที่มีทักษะเกี่ยวกับ สะเต็ม (STEM: Science, Technology, Engineering, Mathematics) ธนาคารมีกรอบโครงสร้างค่าตอบแทนที่ยึดตามบทบาทและผลงาน โดยไม่คำนึงถึงเพศ พร้อมทั้งตรวจสอบความเท่าเทียมของสัดส่วนค่าตอบแทนอยู่เสมอ
  2. ความหลากหลายด้านสัญชาติ (Nationality Diversity):
    ธนาคารส่งเสริมการมีบุคลากรหลายเชื้อชาติ ในปี 2567 องค์ประกอบบุคลากรแบ่งตามสัญชาติ ดังนี้
      ทุกระดับงาน ระดับบริหาร
    ไทย 14,523 (99.95%) 1,318 (99.70%)
    จีน 1 (0.01%) 1 (0.08%)
    ฮังการี 1 (0.01%) 1 (0.08%)
    อื่น ๆ 4 (0.03%) 2 (0.14%)
  3. ศาสนา (Religion):
    ธนาคารเคารพความเชื่อทางศาสนาทุกศาสนาและจัดสิ่งอำนวยความสะดวกที่เหมาะสม โดยห้ามการเลือกปฏิบัติโดยเด็ดขาด
  4. อัตลักษณ์ทางเพศและรสนิยมทางเพศ (Gender Identity and Sexual Orientation):
    มีการติดตามสัดส่วนทางเพศ จัดอบรมสร้างความเข้าใจเรื่อง LGBTQIA+ และไม่ยอมรับการคุกคามทุกรูปแบบ
  5. ความหลากหลายด้านอายุ (Age Diversity):
    สนับสนุนความร่วมมือข้ามชวงวัย และช่วยพัฒนาทักษะใหม่ให้กับพนักงานที่ใกล้เกษียณ
  6. การมีส่วนร่วมของผู้พิการ (Disability Inclusion):
    ธนาคารจัดสิ่งอำนวยความสะดวกที่เข้าถึงได้ เปิดรับสมัครโดยไม่ตัดสินจากความพิการ และสนับสนุนกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ

นอกจากสิทธิในที่ทำงานแล้ว ธนาคารยังกำหนดให้พนักงานทุกคนต้องเข้ารับการอบรมหลักสูตรจรรยาบรรณพนักงาน (Code of Conduct) ผ่านทางออนไลน์ โดยมีการทบทวนปีละ 1 ครั้ง ซึ่งครอบคลุมเนื้อหาเกี่ยวกับความเท่าเทียมและการไม่เลือกปฏิบัติ และสิทธิส่วนบุคคล ซึ่งช่วยให้พนักงานสามารถประพฤติตนอย่างเหมาะสมกับลูกค้าและบุคคลอื่น ในปี 2567 ธนาคารไม่พบกรณีการไม่ปฏิบัติตามกฎหมายแรงงาน

คำแถลงการณ์เรื่องความหลากหลายและการมีส่วนร่วม

ธนาคารมีนโยบายและคณะกรรมการทรัพยากรบุคคลและค่าตอบแทน (Human Resources and Remuneration Committee) ซึ่งมีหน้าที่ทบทวนและเสนอแนะแนวทางเชิงกลยุทธ์ด้านการบริหารทรัพยากรบุคคล ได้แก่ การสรรหาพนักงาน ค่าตอบแทนและสวัสดิการ ข้อกำหนดทางกฎหมายด้านแรงงานและความสัมพันธ์แรงงาน ตลอดจนสิทธิมนุษยชน การบริหารทรัพยากรบุคคลถือเป็นส่วนสำคัญต่อความต่อเนื่องและการเติบโตของธนาคาร ดังนั้น ธนาคารจึงมุ่งมั่นที่จะสร้างให้ที่นี่เป็นสถานที่ทำงานที่พนักงานสามารถ “สร้างการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง (Make REAL Change)” ได้

คำมั่นสัญญาด้านแนวปฏิบัติแรงงาน

ทีทีบีมุ่งมั่นที่จะยึดถือสิทธิแรงงานขั้นพื้นฐาน และส่งเสริมสภาพการทำงานที่เป็นธรรม ปลอดภัย และเท่าเทียมทั่วทั้งการดำเนินงานและห่วงโซ่คุณค่า เราเชื่อว่าการเคารพสิทธิแรงงานไม่เพียงเป็นข้อบังคับทางกฎหมายเท่านั้น แต่ยังเป็นรากฐานที่สำคัญของการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนและความผาสุกของสังคม

เพื่อให้สอดคล้องกับพันธสัญญาดังกล่าว ธนาคารได้กำหนดให้แนวปฏิบัติด้านแรงงานสะท้อนทั้งมาตรฐานแรงงานสากลและข้อกำหนดตามกฎหมายของประเทศ อีกทั้งยังคาดหวังให้คู่สัญญาและพันธมิตรทางธุรกิจ รวมถึงลูกค้าธุรกิจของธนาคารปฏิบัติตามมาตรฐานเดียวกันในฐานะส่วนหนึ่งของระบบนิเวศทางธุรกิจที่มีความรับผิดชอบและมีจริยธรรม

  1. ค่าจ้างเพื่อการดำรงชีพ (Living Wage): ธนาคารมุ่งมั่นที่จะให้ค่าตอบแทนไม่น้อยกว่าค่าจ้างขั้นต่ำตามกฎหมาย และเพียงพอต่อการดำรงชีวิตที่มีคุณภาพ
  2. ชั่วโมงทำงานและการลาหยุด: ธนาคารยึดมั่นในการหลีกเลี่ยงหรือจำกัดการทำงานล่วงเวลาเกินควร โดยกำหนดชั่วโมงทำงานสูงสุดที่ชัดเจนและเป็นธรรมตามกฎหมายแรงงานไทย รวมทั้งรับรองสิทธิการลาพักร้อนประจำปีเพื่อสุขภาพกายและใจของพนักงาน
  3. การจ้างงานที่เป็นธรรม ค่าตอบแทนที่เป็นธรรมและการปฏิบัติที่เท่าเทียม: ธนาคารส่งเสริมความเท่าเทียมและไม่เลือกปฏิบัติ โดยมุ่งมั่นที่จะให้โอกาสที่เท่าเทียม ค่าตอบแทนที่เป็นธรรม และการเติบโตในสายอาชีพแก่พนักงานทุกคน โดยไม่คำนึงถึงเพศ อายุ ความพิการ หรือภูมิหลังที่หลากหลาย หลักการ “ค่าตอบแทนเท่ากันสำหรับงานที่เท่ากัน” ระหว่างชายและหญิงถือเป็นหลักสำคัญของแนวปฏิบัติแรงงาน โดยธนาคารมีมาตรการในการเฝ้าติดตามความก้าวหน้าในการลดช่องว่างค่าตอบแทนระหว่างเพศอย่างสม่ำเสมอ
  4. การดูแลในช่วงการเปลี่ยนผ่านของแรงงาน: ในกรณีที่มีการปรับโครงสร้างหรือการเลิกจ้าง ธนาคารให้คำมั่นว่าจะมีการแจ้งล่วงหน้าและปรึกษาหารือกับพนักงานอย่างเหมาะสมและโปร่งใส เพื่อลดผลกระทบด้านลบ
  5. การจ้างงานในท้องถิ่น: ธนาคารมุ่งสรรหาและพัฒนาบุคลากรจากชุมชนที่ดำเนินงานอยู่ เพื่อสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจในภูมิภาค สร้างความผูกพันกับชุมชน และเสริมสร้างความเข้าใจทางวัฒนธรรม

โครงการที่ธนาคารดำเนินการเพื่อให้คำมั่นเหล่านี้เกิดขึ้นจริง ได้แก่:

  • จ่ายค่าจ้างไม่น้อยกว่าค่าครองชีพหรือมาตรฐานในพื้นที่ เพื่อความมั่นคงทางการเงินของพนักงาน
  • ติดตามชั่วโมงการทำงานและการทำงานล่วงเวลาเพื่อป้องกันการทำงานหนักเกินไป
  • จ่ายค่าล่วงเวลาตามกฎหมายไทยและนโยบายของธนาคาร
  • มีการหารือกับตัวแทนแรงงานเพื่อสื่อสารสองทางและพัฒนาสภาพการทำงานอย่างต่อเนื่อง
  • ตรวจสอบช่องว่างค่าตอบแทนระหว่างเพศและเปิดเผยในรายงานความยั่งยืนประจำปี
  • ขยายความคุ้มครองทางสังคมเกินกว่าที่ภาครัฐกำหนด เช่น การประกันสุขภาพกลุ่ม
  • กำหนดให้พนักงานใช้สิทธิลาพักร้อนผ่านระบบบังคับพักต่อเนื่องประจำปี (block leave) เพื่อสมดุลชีวิตและการทำงาน
  • จัดฝึกอบรมและการพัฒนาทักษะใหม่เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง เช่น ด้านดิจิทัล การเงินเพื่อการเปลี่ยนผ่าน และการจัดการความเสี่ยงด้านสภาพภูมิอากาศ
  • สนับสนุนการจ้างงานเยาวชนผ่านโครงการฝึกงานที่ให้ประสบการณ์จริง

ท้ายที่สุด ธนาคารมีความมุ่งมั่นที่จะสร้างสถานที่ทำงานที่ยึดหลัก “ความเป็นธรรม ศักดิ์ศรี และความเคารพ” ให้กับทุกคน

การพัฒนาศักยภาพของพนักงาน (Human Capital Development)

ธนาคารกำหนดกลยุทธ์การฝึกอบรมที่เน้นการเสริมสร้างภาวะความเป็นผู้นำให้แก่พนักงานทุกคน อันจะส่งผลให้พนักงานมีความพร้อมที่จะผลักดันให้ธนาคารบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจ โดยที่การฝึกอบรมในแต่ละหลักสูตรจะมีเนื้อหาสาระที่เหมาะสมกับทักษะของพนักงานในแต่ละกลุ่มและสอดคล้องกับบริบทของงานและบทบาทของพนักงานในอนาคต ธนาคารวัดมูลค่าของพนักงานในองค์กร ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา (2564-2667) โดยมีผลการดำเนินงาน ดังนี้ 2.8, 3.2, 3.4 และ 3.6 ตามลำดับ ในปี 2568 พนักงานทั้งหมดได้ผ่านการอบรมรวมทั้งสิ้น 566,631 ชั่วโมง เทียบเท่า 39 ชั่วโมงการอบรมต่อคนต่อปี

เส้นทางและกลยุทธ์ด้านทรัพยากรบุคคล (HR Roadmap and Strategy)

ธนาคารมุ่งสร้างความแตกต่างให้เกิดขึ้นในภาคธนาคารพาณิชย์ของประเทศ และเชื่อว่าการเสริมสร้างพนักงานให้มีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะท้าทายและปรับปรุงแก้ไขสิ่งที่เป็นอยู่ จะส่งผลให้ธนาคารสามารถส่งมอบคุณค่าที่ดีที่สุดให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม

  • พนักงานของธนาคารมีเส้นทางการเติบโตสายอาชีพที่ชัดเจน ธนาคารกำหนดแผนงานสายอาชีพและแผนพัฒนาบุคคลากรที่ชัดเจนและสอดคล้องกับศักยภาพของพนักงานแต่ละคนและสมรรถนะ (Competency) ที่จำเป็น
  • การพัฒนาสู่ความเป็นเลิศ (Best Development) ธนาคารส่งเสริมแห่งการเรียนรู้พร้อมแผนการพัฒนาที่มีโครงสร้างที่ชัดเจน
  • การยกย่องผลงาน (Performance Recognition) ธนาคารมีหลักเกณฑ์การจ่ายผลตอบแทนและการยกย่องชมเชยพนักงานตามผลงาน
  • วัฒนธรรม (Make REAL Change) ธนาคารสนับสนุนให้พนักงานคิดและทำในสิ่งที่แตกต่างอย่างสร้างสรรค์

โครงการพัฒนาและฝึกอบรมพนักงาน

ธนาคารออกแบบโครงการพัฒนาศักยภาพของพนักงานเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการทางธุรกิจและทำให้มีประสิทธิภาพ

  1. รูปแบบการประเมินผลการฝึกอบรม Kirk-Patrick กำหนดผลลัพธ์ทางธุรกิจและพฤติกรรมที่คาดหวังที่ชัดเจนก่อนการพัฒนาโครงการฝึกอบรม
  2. การมีส่วนร่วมของผู้บริหาร ช่วยให้มั่นใจว่าผู้บริหารระดับสูงและผู้บังคับบัญชาทุกระดับมีส่วนร่วมมากขึ้นในการวางแผนโครงการพัฒนาพนักงานกับสายงานทรัพยากรบุคคล เพื่อให้เกิดความรับผิดชอบร่วมกันในการพัฒนาพนักงานในสายงาน
  3. แนวทางการเรียนรู้แบบผสมผสาน ได้แก่ ห้องเรียน (Classroom Training) ห้องเรียนเสมือนจริง (Virtual Classroom) และการแบ่งปันความรู้ร่วมกัน ซึ่งจะส่งผลให้พนักงานสามารถเรียนรู้ได้จากทุกที่ ทุกเวลา
  4. รูปแบบการเรียนรู้ที่สั้นกระชับ บทเรียนสั้นๆ ช่วยให้พนักงานสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง เพิ่มการเข้าถึงและการมีส่วนร่วม
  5. กรอบการพัฒนาพนักงานที่ผสานแผนงานต่างๆ เข้าด้วยกัน กำหนดวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนแทนการมีแผนงานกระจัดกระจายหลายด้าน

โดยโครงการพัฒนาศักยภาพของพนักงานสามารถแบ่งได้เป็นกลุ่มหลักๆ ดังนี้

แผนการพัฒนาความสามารถหลักและทั่วไป

พนักงานพัฒนาทักษะหลักที่จำเป็นต่อความสำเร็จในสายอาชีพผ่านการฝึกอบรมอย่างเป็นระบบ โดยมีแผนการพัฒนาความสามารถหลักที่มุ่งเน้นทักษะพื้นฐาน และแผนการเสริมสร้างความเชี่ยวชาญในงานของ ttb Academy ซึ่งดำเนินการฝึกอบรมใน 4 สาขา ได้แก่ การขายและการบริหารความสัมพันธ์ เทคโนโลยีสารสนเทศและข้อมูล การบริหารจัดการความเสี่ยง และการพัฒนาผลิตภัณฑ์

แผนการพัฒนาภาวะผู้นำ

โครงการพัฒนาภาวะผู้นำช่วยเตรียมความพร้อมพนักงานสู่บทบาทในการบริหารจัดการ โดยเน้นพัฒนาทักษะด้านการบริหารบุคคลและทักษะในการตัดสินใจให้กับผู้จัดการใหม่ พัฒนาศักยภาพการเป็นผู้นำให้กับผู้บริหารระดับกลาง และพัฒนาการคิดเชิงกลยุทธ์และการสร้างทักษะความเฉียบแหลมทางธุรกิจให้กับผู้บริหารระดับอาวุโส ในขณะที่พนักงานที่มีศักยภาพสูงจะได้รับโอกาสในการพัฒนาสายอาชีพอย่างรวดเร็ว (fast track) เพื่อเตรียมพร้อมสู่ตำแหน่งผู้นำต่อไป

ttb awards

ธนาคารเล็งเห็นคุณค่าของนวัตกรรมและความมุ่งมั่นของพนักงานในการสร้างการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงเพื่อลูกค้าและธนาคาร ทีทีบี จึงได้จัดให้มีการมอบรางวัล ttb Awards เป็นประจำทุกปี โดยมีการจัดการแข่งขันภายในองค์กรเพื่อให้พนักงานส่งผลงานความคิดริเริ่ม ผลิตภัณฑ์ หรือโครงการที่ส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีทางการเงินให้กับลูกค้า และ/หรือช่วยพัฒนาผลการดำเนินงานของธนาคาร พนักงานจะแข่งขันกันใน 5 ด้าน ได้แก่ การสร้างรายได้ Ecosystem Play การบริหารความเสี่ยงด้วยข้อมูล การทำให้เป็นดิจิทัล และพนักงานและวัฒนธรรมองค์กร โดยรางวัลใหญ่ ได้แก่ รางวัล “Make REAL Change” สำหรับผลงานที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงมากและสร้างผลกระทบสูง กิจกรรมนี้ยังต้องการให้ผู้เข้าร่วมทำงานร่วมกันเป็นทีมข้ามสายงานธุรกิจ เพื่อขยายเครือข่ายภายในธนาคาร

การเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ครุฑ

ธนาคารภูมิใจนำเสนอพิพิธภัณฑ์ครุฑ ณ บางปู ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้เยี่ยมชมได้เรียนรู้วัฒนธรรมไทยผ่านประวัติศาสตร์อันลึกซึ้งของครุฑ ในฐานะส่วนหนึ่งของการส่งเสริมวัฒนธรรม ธนาคารได้สนับสนุนให้พนักงานเข้าชมพิพิธภัณฑ์อย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจและความซาบซึ้งในสัญลักษณ์ประจำชาติ

โครงการเตรียมความพร้อมสำหรับพนักงานที่เกษียณและพ้นสภาพ

ttb ตระหนักถึงความสำคัญของการเปลี่ยนผ่านอย่างราบรื่นสำหรับพนักงานที่กำลังออกจากองค์กร จึงได้พัฒนาโครงการเตรียมความพร้อมอย่างครอบคลุมสำหรับพนักงานที่เกษียณและพ้นสภาพ ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของเราในการส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต ความมั่นคงทางการเงิน และการมีส่วนร่วมกับสังคมอย่างต่อเนื่อง

องค์ประกอบหลักของโครงการ ได้แก่:

  • หลักสูตรโค้ชปลดหนี้และการอบรมความรู้ทางการเงิน: พนักงานที่เกษียณจะได้รับการอบรมเฉพาะทางเกี่ยวกับการบริหารจัดการการเงินส่วนบุคคล การปรับโครงสร้างหนี้ และการวางแผนงบประมาณ เพื่อให้สามารถรักษาเสถียรภาพทางการเงินหลังออกจากงาน และสามารถถ่ายทอดความรู้ให้แก่ผู้อื่นในชุมชนในฐานะโค้ชปลดหนี้
  • เวิร์กช็อปพัฒนาทักษะ: ผู้เข้าร่วมจะได้รับการฝึกอบรมในด้านต่าง ๆ เช่น การเป็นผู้ประกอบการ ทักษะดิจิทัล การขาย และการสื่อสาร เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการประกอบอาชีพหรือบทบาทใหม่หลังจากออกจากธนาคาร

แนวทางแบบองค์รวมนี้ช่วยให้พนักงานมีความมั่นใจและศักยภาพในการเริ่มต้นบทใหม่ของชีวิต

การบริหารความเสี่ยงด้านปฏิบัติการและความตระหนักในด้านความปลอดภัย

ธนาคารให้ความสำคัญด้านการบริหารความเสี่ยงและการสร้างความตระหนักด้านความปลอดภัย โดยตระหนักถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อลูกค้าและชื่อเสียงขององค์กร ธนาคารจึงได้จัดโปรแกรมฝึกอบรมด้านการบริหารความเสี่ยงและความปลอดภัยหลายหลักสูตร เช่น การบริหารความเสี่ยงด้านปฏิบัติการองค์กร (Corporate Operational Risk Management) การป้องกันการฟอกเงิน (Anti-Money Laundering) การส่งเสริมความตระหนักด้านความเสี่ยง (Promoting risk Awareness) ภัยคุกคามทางไซเบอร์ (Cyber Threats) แก่พนักงานผ่านช่องทางออนไลน์ที่พนักงานทั่วประเทศสามารถเข้าถึงได้

นอกจากการพัฒนาทักษะเพื่อการเติบโตในสายอาชีพแล้ว จากความมุ่งมั่นของธนาคารที่จะส่งมอบคุณภาพชีวิตทางการเงินที่ดีให้กับคนไทย พนักงานของธนาคารคือแรงขับเคลื่อนสำคัญที่จะส่งมอบความตั้งใจนี้ให้ถึงมือลูกค้าได้ ดังนั้นการส่งเสริมให้พนักงานมีความรู้ความสามารถที่แข็งแกร่งขึ้นจึงเป็นภารกิจสำคัญ

การรักษาพนักงานและการพัฒนาผู้สืบทอดตำแหน่ง

ธนาคารตระหนักดีว่าความผูกพันของพนักงานที่มีต่อองค์กร เป็นปัจจัยสำคัญต่อการเติบโตและการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน ด้วยเหตุนี้ ธนาคารจึงได้ดำเนินการสำรวจความผูกพันของพนักงานที่มีต่อองค์กรเป็นประจำทุกปี (VOE: Voice of Employee หรือ Employee Engagement Survey) ในปี 2567 ธนาคารได้ดำเนินการสำรวจความผูกพันของพนักงานแบบสั้น (VOE-Pulse Survey) เพื่อรวบรวมข้อคิดเห็นและใช้ข้อมูลดังกล่าวในการปรับปรุงแผนงานเพื่อตอบสนองต่อความต้องการและข้อกังวลของพนักงาน ทั้งนี้ ในการสำรวจความผูกพันของพนักงานแบบสั้นดังกล่าวมีพนักงานเข้าร่วมคิดเป็น 97% โดยมีคะแนนความพึงพอใจเฉลี่ยอยู่ที่ 65% จากเป้าหมายร้อยละ 64% โดยคะแนนความพึงพอใจใน 5 ด้านหลักที่ได้รับการระบุว่าต้องได้รับการปรับปรุงมีคะแนนเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 10% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยผลการสำรวจจะถูกนำไปพัฒนา ปรับปรุง เพื่อให้ธนาคารเป็นองค์กรที่น่าทำงานมากยิ่งขึ้น รวมถึงนำไปทำแผนพัฒนาเพื่อยกระดับความผูกพันและความพึงพอใจของพนักงานต่อไป

พนักงานที่ถือว่ามีความผูกพันกับองค์กร จะต้องมีพฤติกรรมทั้ง 3 ด้าน ดังนี้

  • พูดสิ่งดี ๆ เกี่ยวกับองค์กรเมื่อมีโอกาส (Say)
  • ต้องการทำงานอยู่กับองค์กร (Stay)
  • ทุ่มเททำงานให้งานและองค์กรประสบความสำเร็จ (Strive)

ซึ่งสืบเนื่องมาจากการสร้างประสบการณ์ที่ดี (The Employee Experience) ให้กับพนักงานผ่านตัวขับเคลื่อนความผูกพัน (Engagement drivers) คือ

  • ความเป็นผู้นำที่สร้างความผูกพัน (Engaging Leadership)
  • การให้ความสำคัญกับพนักงาน เช่น แผนการพัฒนาอาชีพ จำนวนพนักงาน การประเมินผลงาน (Talent Focus)
  • ความคล่องตัว เช่น การร่วมมือ ความหลากหลาย การใช้หลักลูกค้าเป็นศุนย์กลาง (Agility)
  • ปัจจัยพื้นฐาน เช่น สุขภาพกาย สุขภาพใจ ความเครียดจากการทำงาน (The Basics)
  • งาน เช่น ความพึงพอใจในตัวงาน ความสุขในการทำงาน งานที่ตอบโจทย์เป้าหมายชีวิต (The Work)

ธนาคารได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของพนักงานที่มีศักยภาพ จึงมีการจัดทำเครื่องมือเสริมสร้างแรงจูงใจในการทำงานระยะยาว ช่วยให้พนักงานมุ่งมั่นทำงานด้วยความรู้สึกของการมีส่วนร่วมในการเป็นเจ้าของกิจการ (Long-term incentives) ผ่านการจัดทำโครงการร่วมทุนระหว่างนายจ้างและลูกจ้างหรือ Employee Joint Investment Program (EJIP) ที่ธนาคารช่วยสมทบการลงทุนของพนักงานในการซื้อหุ้นของธนาคารในตลาดหลักทรัพย์เป็นระยะเวลา 3 ปี โดยเงินลงทุนทั้งสองส่วนอยู่ภายใต้ชื่อบัญชีที่เป็นกรรมสิทธิ์ของพนักงาน พนักงานได้รับเงินปันผลและสิทธิในการออกเสียงตามปกติ

ธนาคารได้วางแผนการสืบทอดตำแหน่งงานบริหารระดับสูงที่จะว่างลงเนื่องจากการคาดการณ์การเกษียณอายุ ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนผ่านที่ราบรื่นสำหรับผู้สืบทอดตำแหน่งและเกิดความต่อเนื่องทางธุรกิจ ธนาคารได้ระบุตำแหน่งที่มีความสำคัญและกำหนดโปรไฟล์ของผู้สืบทอดตำแหน่ง โดยผู้ที่มีศักยภาพที่ได้รับการคัดกรองจะได้รับการประเมินความพร้อมด้วยหลักเกณฑ์ที่สำคัญต่างๆ ก่อนจะได้เข้าร่วมในโปรแกรมการพัฒนาผู้สืบทอดตำแหน่งเพื่อพัฒนาทักษะที่จำเป็น

พนักงานสัมพันธ์

ธนาคารเคารพสิทธิแรงงานของพนักงานผู้ที่มีความสำคัญต่อการขับเคลื่อนองค์กร เพื่อให้มั่นใจว่าพนักงานทุกคนจะได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นธรรมและได้รับการคุ้มครองสิทธิประโยชน์อันควร คณะกรรมการสวัสดิการ (Welfare Committee) ซึ่งประกอบด้วยตัวแทนจากพนักงานทั้งหมด มีการประชุมร่วมกับสายงานทรัพยากรบุคคลในฐานะตัวแทนองค์กรทุก 6 เดือน เพื่อหารือเกี่ยวกับสิทธิของพนักงาน ผลประโยชน์และข้อกังวลต่างๆ โดยจะสรุปประเด็นสำคัญรายงานต่อคณะกรรมการจัดการเพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป โดยมี 4 สหภาพแรงงาน ได้แก่ สหภาพแรงงานธนาคารทหารไทย สหภาพแรงงานพนักงานธนาคารทหารไทย สหภาพแรงงานกิจการธนาคารทหารไทย และสหภาพแรงงานธนาคารทีเอ็มบี ธนชาต โดยมีพนักงานเข้าร่วมสหภาพแรงงานคิดเป็นร้อยละ 20 ของพนักงาน

ธนาคารและพนักงานได้ร่วมกันจัดตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพพนักงานธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) ซึ่งจดทะเบียนแล้ว ควบคุมกำกับดูแลการบริหารจัดการโดยคณะกรรมการกองทุน ฯ ประกอบด้วย กรรมการฝ่ายนายจ้างซึ่งมาจากการแต่งตั้ง และกรรมการฝ่ายลูกจ้างซึ่งมาจากการเลือกตั้งโดยสมาชิกกองทุนเพื่อส่งเสริมให้พนักงานสะสมเงินออมตามอัตราส่วนที่ต้องการส่วนหนึ่ง และธนาคารส่งสมทบตามอัตราส่วนตามอายุงานของพนักงานส่วนหนึ่ง และมีรูปแบบการจัดการกองทุนแบบ Employee’s Choice โดยพนักงานสามารถเลือกจ่ายเงินสะสมเข้ากองทุนได้ในอัตราร้อยละ 2-15 ของเงินเดือนของพนักงานแต่ละราย และธนาคารสมทบเงินร้อยละ 5-10 ของเงินเดือนของพนักงานเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เพื่อเป็นความมั่นคงหลังเกษียณอายุการทำงานของพนักงาน ทั้งนี้ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 ธนาคารมีพนักงานจำนวน 14,529 คน โดยมีพนักงาน 13,867 คนหรือคิดเป็น 95% ของพนักงานทั้งหมดเข้าร่วมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ

การติดตามและประเมินผลการทำงาน

เพื่อให้เกิดการเติบโตอย่างต่อเนื่อง พนักงานจึงได้รับการประเมินอย่างเป็นระบบผ่านการประเมินผลการทำงาน การประเมินสมรรถนะ และการทำ talent review อย่างสม่ำเสมอ โดยยังมีการวางแผนการสืบทอดตำแหน่งที่ระบุพนักงานที่มีศักยภาพสูงสำหรับสืบทอดตำแหน่งผู้นำต่อไป ในขณะเดียวกัน ก็มีแผนการปรับปรุงผลการทำงานอย่างเป็นระบบเพื่อช่วยส่งเสริมพนักงานที่ต้องการการพัฒนาเพิ่มเติม ทั้งนี้ ในปี 2567 100% ของพนักงานได้รับการประเมินผลการทำงานและปรึกษาแผนการทำงานกับหัวหน้างาน ซึ่งช่วยให้เกิดความสอดคล้องระหว่างเป้าหมายทางธุรกิจและความก้าวหน้าในสายอาชีพในส่วนบุคคล

การประเมินผลการปฏิบัติงานของพนักงาน

ธนาคารได้จัดทำกระบวนการภายในเพื่อประเมินผลการทำงานของพนักงาน เรียกว่า Employee Evaluation Appraisal โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อส่งเสริมการทำงานเป็นทีม สร้างวัฒนธรรม ttb รักษาการปฏิบัติตามจรรยาบรรณ (Code of Conduct) ส่งเสริมการสื่อสารแบบคล่องตัว และยกระดับคุณภาพชีวิตของพนักงาน

กระบวนการประเมินผลการทำงานประกอบด้วย 4 ขั้นตอน ได้แก่:

  1. กำหนดเกณฑ์การประเมิน (Define Criteria)
  2. การตรวจสอบระหว่างปี (Mid-Year Review)
  3. การสรุปเกณฑ์ (Finalize Criteria)
  4. การประเมิน (Evaluation)

นอกจากนี้ ธนาคารยังใช้ทั้งการประเมินรายบุคคลและทีม โดยให้ความสำคัญกับการให้ข้อเสนอแนะอย่างต่อเนื่องผ่านการประเมินแบบ 360 องศา เพื่อให้เกิดการสื่อสารระหว่างพนักงานและหัวหน้างานอย่างสม่ำเสมอ

สุขภาพและความปลอดภัยในสถานที่ปฏิบัติงาน

ธนาคารกำหนดนโยบายด้านความปลอดภัยในสถานที่ปฏิบัติงานและความปลอดภัยทางกายภาพ (Workplace Safety and Physical Security Policy) ซึ่งระบุแนวทางบริหารจัดการด้านอาชีวอนามัย ความปลอดภัยของสภาพแวดล้อมในสถานที่ปฏิบัติงานและความปลอดภัยทางกายภาพภายในธนาคาร โดยได้รับการอนุมัติโดยคณะกรรมการกำกับความเสี่ยง นโยบายดังกล่าวมีขอบเขตครอบคลุมทั้งพนักงาน ผู้ให้บริการ ผู้มาติดต่อและลูกค้าในทุกสถานที่ตั้งของธนาคาร

เพื่อให้การดูแลความปลอดภัยในสถานที่ปฏิบัติงามเป็นไปอย่างมีระบบ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารมีมติเห็นชอบให้จัดตั้งคณะกรรมการความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน โดยคณะกรรมการดังกล่าวประกอบด้วยตัวแทนจากนายจ้างและลูกจ้าง มีเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยเป็นเลขานุการของคณะ โดยคณะกรรมการฯ มีการจัดประชุมเป็นประจำทุกเดือนเพื่อปรึกษาหารือเกี่ยวกับประเด็นด้านความปลอดภัยที่ได้รับการรายงานจากพนักงาน ปรับปรุงการดำเนินงาน และติดตามผลการดำเนินงาน เช่น การลดหรือป้องกันความเสี่ยงด้านสุขภาพเทียบกับเป้าหมาย คณะกรรมการจะพิจารณานโยบายและแผนงานด้านความปลอดภัยในการทำงาน รวมทั้งความปลอดภัยนอกงานเพื่อป้องกันและลดบัติเหตุ การประสบอันตราย การเจ็บป่วย หรือการเกิดเหตุเดือดร้อนรำคาญอันเนื่องจากการทำงาน หรือความปลอดภัยในการทำงานเสนอต่อนายจ้าง หน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการและดำเนินงานด้านความปลอดภัยประกอบด้วย แผนกทรัพยากรอาคารและบริการส่วนกลาง แผนกบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ และแผนกอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ทรัพยากรบุคคล ผู้จัดการสาขาและสำนักงานขาย

ธนาคารมีการตั้งเป้าหมายอุบัติเหตุเป็นศูนย์และจำนวนวันบาดเจ็บจากการทำงานจนถึงขั้นหยุดงานเป็นศูนย์ ธนาคารดำเนินการตรวจสอบด้านสุขภาพและความปลอดภัยในสถานที่ปฏิบัติงานอย่างสม่ำเสมอ ตั้งแต่การออกแบบสถานที่ การดูแล สภาพแวดล้อมและการจัดหาอุปกรณ์สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ในการปฏิบัติงานเพื่อให้มั่นใจว่าธนาคารมีสภาพแวดล้อมในการปฏิบัติงานที่สอดคล้องกับมาตรฐานสากลรวมทั้งกฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ ธนาคารยังใช้มาตรการเชิงรุกเพื่อป้องกันการบาดเจ็บและการเจ็บป่วยที่เกิดจากการปฏิบัติงานโดยจัดอบรมด้านสุขภาพและความปลอดภัย เช่น การปฐมพยาบาล และการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน รวมถึงการดับเพลิงและหนีไฟ ให้แก่พนักงานทุกคน

การบริหารจัดการด้านสุขภาพและความปลอดภัยอยู่ภายใต้การดูแลระหว่างแผนกความปลอดภัยและแผนกบริหารทรัพยากรบุคคลและพนักงานสัมพันธ์ ทั้งสองหน่วยงานร่วมกันส่งเสริมด้านสุขภาพ ความปลอดภัยและความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน อีกทั้งมีการกำหนดเป้าหมายด้านความปลอดภัยและใช้ประกอบการพิจารณาการประเมินผลการดำเนินงานของบุคลากรที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ธนาคารมีการประเมินความเสี่ยงด้านสุขภาพและความปลอดภัยเพื่อกำหนดมาตรการป้องกันผลกระทบที่เหมาะสม จัดทำแผนการดำเนินงานและเป้าหมายที่ชัดเจน ตลอดจนตรวจประเมินการดำเนินงานด้านความปลอดภัยโดยหน่วยงานภายในและภายนอกอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้มั่นใจได้ถึงการบริหารจัดการด้านสุขภาพและความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพ โดยจะมีการรายงานผลการดำเนินงานด้านสุขภาพและความปลอดภัยของพนักงานแก่ผู้บริหารระดับสูงอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในสถานการณ์แพร่ระบาดไวรัสโควิด-19

งานทุกประเภทจะมีการวิเคราะห์เกี่ยวกับอันตรายต่อสุขภาพและความปลอดภัย ซึ่งพบว่ามีงาน 3 ลักษณะที่มีความเสี่ยงในระดับสูง ได้แก่ Call Center ซึ่งต้องสัมผัสกับเสียง ห้องเก็บเอกสารและงานพิมพ์เอกสารซึ่งต้องสัมผัสกับไฮโดรคาร์บอนและสารประกอบอินทรีย์ระเหยง่าย (Volatile organic compounds) แม้ว่าธนาคารจะมีมาตรการที่เหมาะสมเพื่อควบคุมความเสี่ยงในพื้นที่ดังกล่าว แต่หากพบว่าพนักงานได้รับสารดังกล่าวเกินกว่าระดับมาตรฐานที่กฎหมายกำหนด พนักงานจะได้รับการรักษาและตรวจติดตามอาการจนกว่าจะหายเป็นปกติ ตลอดจนดำเนินการตรวจสอบสาเหตุของเหตุการณ์ดังกล่าวอีกด้วย

นโยบายความมั่นคงปลอดภัยทางกายภาพในสถานที่ทำงาน

การดูแลด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน

เพื่อส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน ธนาคารได้จัดสวัสดิการและกำหนดมาตรการดังต่อไปนี้:

การลา

  • ลากิจ จำนวน 10 วันทำงานต่อปี โดยได้รับเงินเดือนเต็ม เพื่อประกอบกิจธุระ เช่น การติดต่อกับหน่วยงานราชการ ดูแลการเจ็บป่วย หรือกรณีเสียชีวิตของสมาชิกในครอบครัว พนักงานแต่งงาน พนักงานรับปริญญา หรือกรณีอื่น ๆ ตามการอนุมัติของหัวหน้างาน
  • ลาพักร้อน จำนวนอย่างน้อย 10 วันต่อปี ไม่รวมวันหยุดราชการ (ขึ้นกับระยะเวลาการทำงาน)
  • ลาป่วยโดยได้รับค่าจ้าง ปีละไม่เกิน 30 วันทำงาน
  • สิทธิลาอุปสมบทครั้งเดียวตลอดอายุการทำงาน เป็นเวลาไม่เกิน 120 วัน
  • สิทธิลาเพื่อประกอบพิธีฮัจญ์ครั้งเดียวตลอดอายุการทำงาน เป็นเวลาไม่เกิน 45 วัน โดยได้รับค่าจ้าง

การสนับสนุนครอบครัวพนักงาน

  • สิทธิลาก่อนคลอดและหลังคลอดสำหรับพนักงานผู้มีครรภ์รวมกัน ครรภ์หนึ่งไม่เกิน 98 วัน
  • สิทธิลาเพื่อไปดูแลภรรยาที่คลอดบุตร ครั้งหนึ่งไม่เกิน 5 วันทำงาน โดยได้รับค่าจ้าง
  • สิทธิลาเพื่อดูแลครอบครัว 10 วันทำงานต่อปี
  • ห้องปั๊มนมที่มีอุปกรณ์สำหรับเก็บนมพร้อมความเป็นส่วนตัว
  • ทุนการศึกษาบุตรพนักงาน มูลค่าทุนสูงสุด 13,000 บาท ต่อปีการศึกษา สำหรับพนักงานที่มีอายุงานมากกว่า 1 ปี

สวัสดิการด้านสุขภาพ

  • สถานพยาบาล คลินิกเวชกรรม ให้การดูแลโดยแพทย์แผนปัจจุบันและพยาบาล คลินิกทันตกรรม และแพทย์ทางเลือก ณ สำนักงานใหญ่
  • ห้องฟิตเนส
  • การสื่อสารภายในเกี่ยวกับประเด็นด้านสุขภาพ เช่น การยศาสตร์ (Ergonomics) สุขภาพและโภชนาการ เป็นต้น
  • การตรวจสุขภาพเฉพาะบุคคล เช่น การตรวจสมรรถภาพการได้ยินสำหรับกลุ่มพนักงานคอลเซ็นเตอร์ การตรวจสอบสมรรถภาพปอดและการวิเคราะห์ปริมาณสารอินทรีย์ระเหยง่ายสำหรับกลุ่มพนักงานให้ห้องเก็บเอกสารและงานพิมพ์
  • การเผ้าระวังตัวชี้วัด เช่น อุณหภูมิภายในอาคาร ความชื้น แสงสว่าง เสียง ฝุ่นละอองขนาดเล็ก สารเคมี แบคทีเรียในอากาศและโรงอาหาร คุณภาพน้ำดื่ม สารประกอบไฮโดรคาร์บอนและสารอินทรีย์ระเหยง่ายในพื้นที่เสี่ยง ธนาคารมีการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานด้วยตัวชี้วัดเหล่านี้เป็นประจำเพื่อสภาวะแวดล้อมในการทำงานที่ปลอดภัยสำหรับพนักงานอย่างน้อยปีละครั้งโดยหน่วยงานภายนอก การประเมินนี้เป็นไปตามข้อ 15 แห่งกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับความร้อน แสงสว่าง และเสียง พ.ศ. 2559
  • จัด Safety Day และการรณรงค์ด้านความปลอดภัย
  • จัดให้มีการทำงานที่ยืดหยุ่น ทั้งชั่วโมงการทำงานและสถานที่ทำงาน
  • การทำงานแบบพาร์ทไทม์เพื่อสนับสนุนงานระยะสั้น

ความหลากหลายในที่ทำงาน

ธนาคารมีความมุ่งมั่นในการส่งเสริมความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการไม่แบ่งแยก เหนือสิ่งอื่นใดธนาคารไม่ยอมรับการเลือกปฏิบัติจากปัจจัยด้าน อายุ เพศ รสนิยมทางเพศ สมรรถภาพทางกาย เชื้อชาติ ชาติพันธุ์ ประเทศต้นกำเนิด สัญชาติ ภูมิหลังทางวัฒนธรรม ศาสนา ความเชื่อ วัฒนธรรมและภูมิหลังทางเศรษฐกิจและสังคม ทั้งนี้สืบเนื่องมาจากการที่ธนาคารให้คุณค่ากับความแตกต่างของแต่ละบุคคลซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการเติบโตอย่างยั่งยืน

นับตั้งแต่มีการประกาศคำแถลงการณ์เรื่องความหลากหลายและการมีส่วนร่วม ในปี 2562 โดยได้รับการอนุมัติจากประธานเจ้าหน้าที่บริหารและคณะกรรมการธนาคาร ธนาคารได้รายงานข้อมูลด้านความหลากหลายและความเท่าเทียมทางเพศ พร้อมทั้งปรับปรุงวัฒนธรรมองค์กรเพื่อส่งเสริมความมุ่งมั่นของธนาคารอยู่เสมอ

ความก้าวหน้า

  1. ความเสมอภาคทางเพศ (Gender Equality):
    หนึ่งในเป้าหมายหลักคือการรักษาสัดส่วนพนักงานหญิงไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ภายในปี 2567 ครอบคลุมสำหรับพนักงานทั้งหมด และพนักงานแบ่งตามระดับตำแหน่งผู้บริหารทุกระดับ พนักงานระดับปฏิบัติการ รวมถึงกลุ่มตำแหน่งในหน่วยงานที่สร้างรายได้ให้กับธนาคาร และกลุ่มพนักงานที่มีทักษะเกี่ยวกับ สะเต็ม (STEM: Science, Technology, Engineering, Mathematics) ธนาคารมีกรอบโครงสร้างค่าตอบแทนที่ยึดตามบทบาทและผลงาน โดยไม่คำนึงถึงเพศ พร้อมทั้งตรวจสอบความเท่าเทียมของสัดส่วนค่าตอบแทนอยู่เสมอ
  2. ความหลากหลายด้านสัญชาติ (Nationality Diversity):
    ธนาคารส่งเสริมการมีบุคลากรหลายเชื้อชาติ ในปี 2567 องค์ประกอบบุคลากรแบ่งตามสัญชาติ ดังนี้
      ทุกระดับงาน ระดับบริหาร
    ไทย 14,523 (99.95%) 1,318 (99.70%)
    จีน 1 (0.01%) 1 (0.08%)
    ฮังการี 1 (0.01%) 1 (0.08%)
    อื่น ๆ 4 (0.03%) 2 (0.14%)
  3. ศาสนา (Religion):
    ธนาคารเคารพความเชื่อทางศาสนาทุกศาสนาและจัดสิ่งอำนวยความสะดวกที่เหมาะสม โดยห้ามการเลือกปฏิบัติโดยเด็ดขาด
  4. อัตลักษณ์ทางเพศและรสนิยมทางเพศ (Gender Identity and Sexual Orientation):
    มีการติดตามสัดส่วนทางเพศ จัดอบรมสร้างความเข้าใจเรื่อง LGBTQIA+ และไม่ยอมรับการคุกคามทุกรูปแบบ
  5. ความหลากหลายด้านอายุ (Age Diversity):
    สนับสนุนความร่วมมือข้ามชวงวัย และช่วยพัฒนาทักษะใหม่ให้กับพนักงานที่ใกล้เกษียณ
  6. การมีส่วนร่วมของผู้พิการ (Disability Inclusion):
    ธนาคารจัดสิ่งอำนวยความสะดวกที่เข้าถึงได้ เปิดรับสมัครโดยไม่ตัดสินจากความพิการ และสนับสนุนกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ

นอกจากสิทธิในที่ทำงานแล้ว ธนาคารยังกำหนดให้พนักงานทุกคนต้องเข้ารับการอบรมหลักสูตรจรรยาบรรณพนักงาน (Code of Conduct) ผ่านทางออนไลน์ โดยมีการทบทวนปีละ 1 ครั้ง ซึ่งครอบคลุมเนื้อหาเกี่ยวกับความเท่าเทียมและการไม่เลือกปฏิบัติ และสิทธิส่วนบุคคล ซึ่งช่วยให้พนักงานสามารถประพฤติตนอย่างเหมาะสมกับลูกค้าและบุคคลอื่น ในปี 2567 ธนาคารไม่พบกรณีการไม่ปฏิบัติตามกฎหมายแรงงาน

คำแถลงการณ์เรื่องความหลากหลายและการมีส่วนร่วม